ESG แนวคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุน อีกทั้งตลาดการลงทุนแบบยั่งยืนยังมีดัชนีเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ หันมาพุ่งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นหลัก
ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรามานาน และทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยรายงานความเสี่ยงประจำปี 2021 (The Global Risks Report 2021 16th Edition) จาก World Economic Forum ระบุว่า ในอีก 10 ปี โลกมีความเสี่ยงมากที่จะเผชิญสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและความล้มเหลวในการจัดการด้านภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากมนุษย์ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล รวมทั้งความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตในการดำรงชีวิตในโลกของเรา เพราะฉะนั้นทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถรอดพ้นวิกฤตเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของกรอบแนวคิดที่ใช้ขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งได้เริ่มมีบทบาทและได้รับการยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประเด็นพื้นฐาน 3 ด้าน ที่สำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental : E) เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษา ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ, ด้านสังคม (Social : S) มุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม คำนึงถึงความปลอดภัย สภาพแวดล้อมในการทำงานและสุขภาพของพนักงาน ไปจนถึงลูกค้า ชุมชน และผู้ที่ทำงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน และด้านธรรมาภิบาล (Governance : G) ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทอย่างเป็นธรรม โดยเรียกสั้นๆ ว่า “ESG” นั่นเอง
จากผลสำรวจ Global Consumer Insights Pulse Survey ของ PricewaterhouseCoopers ประจำเดือนมิถุนายน 2564 ที่สำรวจผู้บริโภคใน 22 ประเทศรวมถึงประเทศไทย พบว่า 50% ของผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ถึง 76% โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าจะเลือกซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่มีจิตสำนึกและสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
สอดคล้องกับผลศึกษาความนิยมของตลาดทุน จาก State Street Global Advisors ในปี 2560 ได้ทำการศึกษากับผู้ลงทุนสถาบันทั้งหมด 475 องค์กรในทวีป สหรัฐอเมริกา ยุโรป และ เอเชียแปซิฟิก ซึ่งผลของการสำรวจพบว่า พอร์ตการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มีการจัดสรรเงินลงทุนไปกับองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG และยังมีผลการศึกษาจาก Financial Planning Association ซึ่งเป็นการศึกษาในปี 2563 โดยได้ทำการสำรวจกับผู้ให้คำแนะนำทางการเงิน (Financial Advisor) จำนวน 242 ราย ในประเทศสหรัฐอเมริกาผลการศึกษาพบว่า ในปี 2563 ผู้แนะนำทางการเงินมีการแนะนำนักลงทุนหรือได้ลงทุนด้วยตัวเองในกองทุนแบบ ESG มากขึ้นจากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ผลการวิจัยจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเผยว่า การลงทุนที่เน้นความยั่งยืนอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่มากขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้หลายธุรกิจได้ปรับตัวสู่แนวทางของ ESG ด้วยการนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาปรับใช้ แต่ก็ยังเกิดความเสี่ยงในด้านสังคม (Social) ในหลายๆ ด้าน โดยผลการรายงานจาก Deloitte Insight ในปี 2562 รายงานว่า บริษัทประเภทโทรคมนาคม ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสังคม (Social) ที่เกิดจากการรับ-ส่งข้อมูลที่ผิดพลาด ระบบความปลอดภัยของข้อมูลและความน่าเชื่อถือของเครือข่าย ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลไม่ว่าจะเป็น Big Data, Artificial Intelligence (AI) และ Internet of Thing (IoT) และนำมาประยุกต์ใช้กับองค์กรธุรกิจเพื่ออุดช่องว่างดังกล่าวมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงแต่ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนแต่ยังช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัยของข้อมูลได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่นในวงการ AgriTech ที่ Smart Farm เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ได้มีการใช้ Big Data และ Artificial Intelligence (AI) มาช่วยในการวิเคราะห์และประมวลผลในขั้นตอนต่าง ๆ ของการเพาะปลูก ไปจนถึงการใช้ระบบ Sensor เพื่อควบคุมและติดตามการเติบโตของผลผลิตแบบเรียลไทม์อีกด้วย อีกทั้งหลายอุตสาหกรรมเริ่มหันมาใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม
เช่นเดียวกับ องค์กรด้านปิโตรเลียมก็หันมาพัฒนาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป้องกันอันตรายจากสารพิษโลหะหนักของประเทศไทย, ธุรกิจด้าน Packaging หันมาผลิตกล่องรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือองค์กรด้านปูนซีเมนต์ก็หันมาเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานคาร์บอนต่ำอย่างพลังงานชีวมวลจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์การใช้ลมร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือบางองค์กรหันมาใช้ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยยังคงยึดมั่นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานควบคู่กันไป เป็นต้น
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT นับเป็นอีกธุรกิจด้านโทรคมนาคมที่ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาบริการที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจและองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนแนวคิด ESG หรือการขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ในการเป็น “องค์กรหลักในการขับเคลื่อนและยกระดับการสื่อสารและดิจิทัลให้กับประเทศเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน”
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG NT ได้นำเสนอบริการ NT SD-WAN (Software Defined Wide Area Network) ให้แก่องค์กรธุรกิจ เพื่อจัดการระบบสื่อสารข้อมูลแบบรวมศูนย์ผ่านซอฟต์แวร์อัตโนมัติ Centralized Management สามารถติดตามการใช้งานระบบเครือข่ายแต่ละสาขา และ Zero Touch Provisioning สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้องค์กรประหยัดเวลาและทรัพยากรบุคคลในการควบคุมระบบ ที่สำคัญ SD-WAN มีความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลสูงด้วยเทคโนโลยี IP Security ซึ่งทำการเข้ารหัสในการรับส่งข้อมูล และยังสามารถกำหนดโซนปลอดภัย และมีโซลูชันเสริมทางด้าน Firewall เช่น Threat Protection, IPS, URL Filtering และ Cloud Security จึงได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจประเภท Finance, Healthcare, Retail ฯลฯ
SD-WAN แบ่งเป็นสองส่วน ได้แก่ Hardware ที่ติดตั้งใช้งานในสำนักงานใหญ่และตามสาขาต่างๆขององค์กร และส่วนของ Software ที่อยู่บน Cloud สำหรับทำหน้าที่บริหารจัดการควบคุมระบบ ทั้งนี้ SD-WAN สามารถรองรับการทำงานแบบ Multi-WAN เชื่อมต่อระบบ WAN ได้หลากหลาย ใช้งานร่วมกันแบบ Active/Active รองรับ MPLS, Internet Broadband และ Cellular Network 3G/4G/LTE นอกจากนี้ยังสามารถ Breakout ข้อมูลออกอินเทอร์เน็ตจากสาขาได้ ทำให้ลดปริมาณข้อมูลที่วิ่งอ้อมไปยังสำนักงานใหญ่โดยไม่จำเป็น จึงช่วยประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และระบบยังคงมีความปลอดภัย สามารถกำหนดการใช้งานได้จากส่วนกลางอยู่ ทำให้เกิดความคล่องตัว ในการใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร้รอยต่อ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือมีระบบ Data Analytics วิเคราะห์ วางแผนการใช้งานของสาขาและปรับแต่งนโยบายควบคุมการใช้งานเครือข่ายอย่างมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
เมื่อนำความสามารถเหล่านี้ ของ SD-WAN มาใช้งานร่วมกับเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพของ NT และมีบริการอื่นให้เลือกอีกมากมาย อีกทั้งเรามีทีมงานคุณภาพ ที่คอยดูแลการติดตั้ง และการบริการหลังการขาย ทำให้ NT สามารถให้บริการลูกค้าได้จบครบวงจรในที่เดียว
ด้วยบริการ SD-WAN ที่จะช่วยสนับสนุนองค์กรธุรกิจสู่ ESG แล้ว NT เอง ยังประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ Big Data เพื่อปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธุรกิจ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์และการขับเคลื่อนพัฒนาองค์กรโดยใช้แนวคิด ESG เพื่อส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศ และยังคำนึงถึงผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนให้คนในองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ภายใต้มาตรการการจัดการพลังงาน น้ำ ขยะมูลฝอย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และสนับสนุนให้เยาวชนสามารถเข้าถึงและนำความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Internet of Thing : IoT ผ่านการทำเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) แบบทุกมิติภายใต้โครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด