Super App ที่ถูกพัฒนาโดย MAJOR ซึ่งติดสมองกล AI เพื่อสร้างประสบการณ์ซื้อตั๋วหนังแบบอัจฉริยะอย่างไร้รอยต่อ หรือ Seamless Experience พร้อมรวบรวมพันธมิตรรอบด้านที่ตอบโจทย์แฟนพันธ์แท้โรงหนังอย่างเป็น Ecosystem วางเป้าหมายปั้นช่องทางออนไลน์ให้เติบโตครองอัตราส่วน 80% ของยอดขายรวมภายในปี 5
ผู้ประกอบการชั้นนำของไทยที่เปิดม่านรับลูกค้าในธุรกิจบันเทิงมากว่า 20 ปีเฉกเช่น บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR ที่มี วิชา พูลวรลักษณ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 29% ได้ผ่านการเรียนรู้และรับมือกับความท้าทายมาหลายยุค เพื่อให้กิจการยังยืนหยัดอย่างปัจจุบัน
ถึงวันนี้ได้ขยายการเติบโตจนมีธุรกิจหลักแขนงต่าง ๆ เกิดขึ้นภายใต้เครือ MAJOR มากมายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ และลานสเก็ตน้ำแข็ง ธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณา ธุรกิจพื้นที่ให้เช่าและบริการ ตลอดจนธุรกิจสื่อภาพยนตร์ ที่ผลการดำเนินงานล่าสุด ณ ไตรมาส 3 ของปี 2561 ทำรายได้กว่า 7.6 พันล้านบาท และมีรายได้ต่อปีที่เฉลี่ยกว่า 9.5 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ในปี 2561 MAJOR มีเครือข่ายโรงภาพยนตร์รวมทั้งสิ้น 771 โรง 160 สาขา แบ่งเป็นในประเทศจำนวน 734 โรง 153 สาขา ซึ่งนับว่าครองส่วนแบ่งกว่า 70% ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขณะที่เป็นเครือข่ายในต่างประเทศอีก 37 โรง 7 สาขา
สำหรับในยุคที่เกมการตลาดโรงหนังมีผู้เล่นมาจากทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง offline แบบดั้งเดิม หรือหน้าใหม่ที่มาในรูปของสื่อ online จึงบีบให้จ้าวตลาดเดิมอย่าง MAJOR ต้องปรับตัวเพื่อให้ยังอยู่รอดได้ในอนาคต แม้ นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด จะยืนยันว่าสำหรับเมืองไทยแล้ว “คนยังชอบดูหนังในโรงมากกว่าดูทางออนไลน์ ไม่เหมือนตลาดในสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงธุรกิจบันเทิงให้อยู่ใกล้กับไลฟสไตล์ของผู้บริโภคที่ไม่ยอมห่างจากโลกออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง จึงเป็นแนวทางการตลาดสำหรับ MAJOR ในปัจจุบันที่วางยุทธศาสตร์ในปี 2562 ให้มุ่งด้าน Mobile Marketing อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ Digital Technology เข้ามาเปลี่ยนชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน ล่าสุดจึงเปิดตัว App ใหม่ที่เชื่อว่าจะตรงใจลูกค้ามากขึ้น
เรามีการศึกษาข้อมูลแล้วพบว่าบทบาทของ Digital ช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายซึ่งย่อมนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้า และดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการกับเรามากขึ้น
นรุตม์ เล่าถึงที่มาของการพัฒนา Major Cineplex Super App ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด Mobile Marketing เต็มรูปแบบที่จะผลักดันในปีนี้ตามนโยบาย Major 5.0 ที่ส่งเสริมการชมภาพยนตร์ของลูกค้าเป็น Digital ทุกขั้นตอน ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าใช้บริการซื้อตั๋วหนังผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และจะช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นได้ด้วย
สำหรับ Super App ล่าสุดถูกพัฒนาโดย บริษัท เอ็มเทล (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้าง และพัฒนา Software รวมทั้ง Application ประเภท Enterprise Software ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Mtel Solutions Limited จากฮ่องกงและ MAJOR ที่เข้าไปลงทุนเมื่อเดือนเมษายน ปี 2561) โดยออกแบบให้มีระบบการทำงานแบบ Smart Application
นั่นคือจะเชื่อมโยงบริการและประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่บริการภาพยนตร์ การค้นหาข้อมูล ตลอดจนการทำรายการซื้อบัตรและการมาใช้บริการที่โรงภาพยนตร์ นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมเพื่อเพิ่มความสนุกในการใช้งาน โปรโมชั่น และข้อเสนอพิเศษ
รวมถึง ด้วยระบบสมาชิกที่มีสิทธิประโยชน์ และการแลกรับรางวัลต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ทำให้ App เป็น Ecosystem ที่ครอบคุลมประสบการณ์ภาพยนตร์ครบทุกด้าน ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบัน ได้แก่ Big Data, Advertisers & Sponsors, Social Influence, Loyalty Program
ทั้งนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อตั๋วหนังแบบอัจฉริยะอย่างไร้รอยต่อ หรือ Seamless Experience จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นดังนี้ อาทิ
“Major Live เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะดึงให้ลูกค้าเข้ามาใช้งาน App สม่ำเสมอ โดยการสร้างให้เกิด engagement จากแต้มที่ได้เมื่อลูกค้ามีการ interact กับ Major Live ซึ่งต่อไปจะเป็นเหมือน platform ที่รวมความบันเทิงทุกอย่างจากทั้งของ MAJOR และพันธมิตรของเรา เพื่อให้สุดท้ายแล้วจะไม่ได้เข้า App แค่ซื้อตั๋วกับเช็ครอบเท่านั้น แต่มาใช้งานอื่น ๆ ด้วย”
ตาม roadmap จะเริ่มจาก Express Ticketing ที่ใช้งานได้แล้ว ต่อด้วย Social Ticketing ที่จะมีในเดือนเมษายน แล้วก็ตามด้วย Smart Movie Assistant ที่จะเริ่มเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน
อีกหนึ่งความพยายามของ MAJOR คือต้องการขยายการใช้งานของ App ให้เป็นแบบ Ecosystem ที่สามารถเชื่อมโยงกับพันธมิตรในขอบข่ายซึ่งผู้นิยมมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์เลือกใช้งานอยู่ นั่นคือสามารถซื้อตั๋วของ MAJOR ได้จาก App ต่าง ๆ ที่ใช้งานอยู่ประจำ ได้แก่ LINE หรือ Mobile Banking ของธนาคารต่าง ๆ เป็นต้น ขณะที่ Major Cineplex Super App ยังขยายการเชื่อมโยงไปสู่พันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์ไสตล์ของลูกค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก/ของสะสมจากภาพยนตร์ โหลดเพลงออนไลน์ หรือแม้แต่บริการเรียกรถมารับ
อีกทั้งต่อไปยังสามารถสื่อสารกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ตรงจุดมากขึ้น ต่างจากเดิมที่อาจจะยังสื่อสารกับทุกกลุ่มด้วยเนื้อหาและวิธีการเหมือนกันทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้นยังลงลึกไปถึงสื่อสารแบบรายบุคคลได้ชัดเจนกว่าเดิม แล้วยังสามารถขายหรือนำเสนอสินค้า/โปรโมชั่นที่น่าจะอยู่ในขอบข่ายที่บุคคลนี้น่าจะชื่นชอบเพิ่มเติมอีก
รวมถึงต้องการไปไกลถึงจุดที่ให้ลูกค้ากดเพียง 1 คลิ๊ก ก็ได้ตั๋วหนังที่ตรงใจมากที่สุดมาครอง โดยพึ่งพาในเรื่อง Machine Learning หรือ ML ที่เรียนรู้พฤติกรรมและวิเคราะห์มาแล้วว่าบุคคลนี้ชอบภาพยนตร์แนวนี้ เลือกดูรอบนี้ในวันนี้ และจองที่นั่งตรงไหนเสมอ โดย App จะส่งข้อเสนอให้ลูกค้าเลือกว่าจะกดซื้อหรือไม่ ตามที่นรุตม์ย้ำว่า “ต้องรู้ใจยิ่งกว่าแฟนอีก”
โจทย์สำคัญคือต้องการให้ Major Cineplex Super App สร้าง movie culture ให้เกิดขึ้นกับกลุ่มแฟนพันธ์แท้โรงหนังจริง ๆ
นรุตม์เล่าถึงเส้นทางของการพัฒนา App ให้ตรงตามเป้าหมายเพิ่มเติมอีกว่า ลูกเล่นต่าง ๆ ที่ใส่มานั้น ส่วนหนึ่งเป็นแรงสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญของ Mtel Solutions Limited ซึ่งเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภครายย่อยเป็นอย่างดีว่าผู้ใช้งานต้องการอะไรจาก App ขณะที่ฝั่ง MAJOR เองก็เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการพัฒนา App สำหรับธุรกิจโรงภาพยนตร์มาก่อน เช่น การชำระเงินต้องสะดวกสบายและปลอดภัย ระบบต้องเสถียร ข้อมูลต้องครบถ้วน เป็นต้น
แต่ที่สำคัญคือ App ต้องปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเหนือกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ และหากไม่เกิดอะไรใหม่ ๆ ก็อาจทำให้ App ตายไป
"ต่อไปคือเข้าไปในโรงแล้วสั่ง popcorn ให้พนักงานมาส่งตรงที่นั่งได้เลย เพื่อให้เป็น Seamless Experience อย่างแท้จริงในทุกจุด แม้แต่ดูหนังจบแล้วถ้ามา review ต่อก็ยังมีคะแนนให้ด้วย เพื่อนำไปสู่การสร้าง Social Ticketing ต่ออีก"
อย่างไรก็ตามด้วยการพัฒนาช่องทางทั้ง Website และ App ในช่วงที่ผ่านมามีผลให้อัตราการซื้อตั๋วหนังทางออนไลน์เติบโตขึ้นจาก 3% เป็น 13% ภายในช่วงระยะ 1 ปีนับจากปี 2560 ถึง 2561 นั้น ทาง MAJOR มองว่าเป็นเพราะมุ่งในเรื่องความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้น และนำนวัตกรรมมาปรับใช้ได้เร็วกว่าผู้เล่นรายอื่น เช่น การพัฒนาให้เป็น App ที่มีช่องทางชำระเงินที่หลากหลายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ดี ไม่เพียงเท่านั้นด้วยสิทธิประโยชน์ที่นำเสนอจากพันธมิตรก็มีส่วนช่วยให้ลูกค้าใช้งาน App เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้นรุตร์ยืนยันว่า Digital Disruption เป็นประโยชน์กับ MAJOR ทั้งในเรื่องของ Cloud Computing Big Data AI/LM และ Automation เพราะช่วยให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงจุดและสนับสนุนให้เกิดการตัดสินใจซื้อตั๋วง่ายขึ้น สำหรับเป้าหมายต่อไปต้องการให้มีอัตราส่วนซื้อตั๋วหนังผ่านช่องทางออนไลน์อยู่ที่ 20% ในปีนี้และเพิ่มขึ้นป็น 80% เช่นเดียวกับตลาดโรงภาพยนตร์ในเมืองจีนภายใน 5 ปีนับจากนี้ และมั่นใจว่าไปได้ที่เมืองไทยจะเติบโตถึงระดับนั้น
ด้วย Technology อย่างเดียวอาจไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ แต่ต้องมีลูกเล่นอื่น ๆ มาเสริมเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจจนต้องใช้งาน App ของเราหรือรู้สึกว่าเป็น must have ที่ต้องมี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด