รู้จัก Sweet Spot จุดสมดุลการเข้าออฟฟิศ ที่ชาว Hybrid Work ควรรู้

เจอหน้าคนในทีมน้อยไปก็ไม่ดี มาออฟฟิศทุกวันก็ดูดพลังเกินไป จะแบ่งวันเข้าออฟฟิศในการทำงานแบบ Hybrid work ยังไงให้ไม่มากไป น้อยไปดี ? วิจัยจาก McKinsey พบว่ารูปแบบการทำงานแบบผสมมีช่วงเวลาที่เรียกว่า ‘sweet spot’  หรือ ‘จุดสมดุล’ ของการเข้าออฟฟิศ กี่วันกันนะ 

Sweet Spot จุดสมดุลวันเข้าออฟฟิศของชาว Hybrid Worker

Sweet Spot หรือจุดสมดุลวันเข้าออฟฟิศ จากวิจัยพบว่า วันที่พนักงานต้องเข้าออฟฟิศควรเกินครึ่งหนึ่งของวันทำงาน หากบริษัททำงาน 5 วัน/สัปดาห์ การเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศควรจะกำหนดไว้อย่างน้อย 2 วัน 

ในตอนที่ McKinsey สำรวจทีมที่ทำงานร่วมกันกว่า 4,000 ทีมทั่วโลก ผู้ทำแบบสำรวจส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำงานอยู่ในสถานที่เดียวนาน ๆ เช่น บ้านหรือออฟฟิศทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด และส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่แย่ลง

แต่การเข้างานแบบ 50% (เข้าออฟฟิศและอยู่บ้านแบบครึ่ง ๆ) ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมทำงานมากกว่า เพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ยังมีช่วงเวลาให้ได้ใช้สมาธิอยู่คนเดียวที่บ้าน ซึ่งในการทำงานมักจะมีทั้งงานที่ต้องพบปะพูดคุย แสดงความคิดเห็น และงานที่จำเป็นต้องใช้สมาธิ การเข้างานแบบ 50% จึงเป็นทางออกที่ทำให้พนักงานรู้สึกถึงความสมดุลมากกว่า

ทำไม Sweet Spot ถึงสำคัญ ?

ถึงแม้ว่า Hybrid Work จะถูกใจพนักงานออฟฟิศมากแค่ไหน แต่ถ้าบริษัทใช้มันอย่างไม่ถูกต้อง Hybrid Work อาจกลายเป็นความ Toxic ได้เหมือนกัน เช่น ใช้เวลาอยู่บ้านนานกว่าเข้าออฟฟิศก็เกิดความห่างเหิน จนทำงานไม่ปะติดปะต่อกัน หรือการแก้ปัญหาในเนื้องานบางอย่างยากขึ้นเพราะติดต่อสื่อสารล่าช้า ไม่สามารถคุยกันได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ในบริษัทพนักงานละคนมีความชอบที่แตกต่างกัน บางคนชอบบรรยากาศในการทำงานที่ได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น แต่บางคนชอบการทำงานเงียบ ๆ คนเดียวในห้องส่วนตัว Sweet Spot ก็จะเป็นสิ่งที่ดึงคน 2 ประเภทนี้ให้ไม่ใกล้ไม่ไกลกันจนเกินไป

แต่ถึงแม้ Sweet Spot จะเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีอิสระในการเข้างาน บริษัทเองก็ควรทำให้พนักงานรับรู้และเข้าใจด้วยว่า ในแต่ละวันพวกเขาต้องทำอะไร บริษัทคาดหวังงานอะไรจากพนักงานบ้าง

อ้างอิง: cnbc

ถึงเป็นธุรกิจเล็ก วัฒนธรรมองค์กรก็สำคัญ
เริ่มเปลี่ยนวันนี้ก่อนสาย

.
หากองค์กรของคุณกำลังเจอปัญหา … พนักงานหมดไฟ…ทุกการตัดสินใจล่าช้าเพราะต้องรอ CEO … พนักงานลาออกเยอะ แต่ไม่รู้สาเหตุ และอีกมากมายปัญหาในองค์กรที่คุณแก้ไม่ตก
.
Peoplesauce ช่วยธุรกิจ SMEs /Startups ที่กำลัง Scale up สร้าง “คน” และ“Culture” เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

เริ่มเปลี่ยนไปพร้อมกับเราได้ตั้งแต่วันนี้ที่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แพง...แต่ทำไมใครๆ ก็ยอมจ่าย? เบื้องหลังความสำเร็จของ Garmin "ไม่สู้ตรงๆ แต่ชนะขาด"

เจาะลึกกลยุทธ์ธุรกิจของ Garmin ที่พลิกชะตาจากวิกฤตการณ์สมาร์ทโฟน สู่การเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทวอทช์เฉพาะทาง อ่านบทเรียนการปรับตัวครั้งสำคัญที่ไม่สู้ตรงๆ แต่กลับชนะขาด และสร้างการเติบโต...

Responsive image

Duolingo ใช้ AI เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เร่ง Productivity โดยไม่ลดคน

Duolingo ใช้ AI ขับเคลื่อน Culture Transformation เปลี่ยนวิธีทำงาน เพิ่ม Productivity ได้มากขึ้น 5 เท่า โดยไม่ต้องปลดพนักงานสักคนเดียว...

Responsive image

เรียนจบใหม่แต่ไม่มีที่ให้เริ่ม เพราะ AI แย่งจุดเริ่มไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในองค์กรยุคใหม่

AI กำลังเปลี่ยนโลกการทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่หายไปกว่า 35% ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดโอกาสเริ่มต้นอาชีพ คำถามคือ เราจะออกแบบบันไดอาชีพแบบใหม่อย่างไรให้ทุกคนยังมีพื้นที่เติบโต ...