เบื่อไหมกับสายระโยงระยาง? พบกับ ‘Origami Heart Belt’ นวัตกรรม 3D Printing ดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ ไร้สาย ไม่ใช้เจล รู้ผลทันทีด้วยพลัง AI

ในยุคที่จำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่แออัด อัตราการเกิดปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นความท้าทายสำคัญของวงการแพทย์ ปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากยังคงต้องพึ่งพาเครื่องติดตามสัญญาณชีพที่มีขนาดเทอะทะและแผ่นแปะแบบใช้แล้วทิ้งที่สร้างความรำคาญ แต่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Simon Fraser (SFU) เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยนวัตกรรมเข็มขัดรัดหน้าอกแบบนุ่มที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งทำงานร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่ออ่านค่าสัญญาณชีพแบบเรียลไทม์

สัมผัสที่นุ่มนวลกว่าด้วยวิศวกรรมกระดาษพับ

ทีมนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมระบบเมคคาทรอนิกส์ของ SFU ได้พัฒนาระบบตรวจวัดหัวใจรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะเป็นสายรัดยืดหยุ่นโอบรอบหน้าอก แทนที่จะใช้แผ่นแปะที่เย็นและเหนียวเหนอะหนะ เข็มขัดนี้ติดตั้งถ้วยขนาดเล็กที่ผลิตจากเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ โดยออกแบบให้มีรูปทรงพับแบบ 'โอริกามิ' (Origami) ซึ่งยึดเกาะกับผิวหนังด้วยแรงดูดสุญญากาศอย่างอ่อนโยน

ถ้วยเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น 'ขั้วไฟฟ้าแบบแห้ง' โดยใช้น้ำหมึกที่มีส่วนผสมของคาร์บอนพิมพ์ลงบนพลาสติกโดยตรงเพื่อนำสัญญาณไฟฟ้าจากผิวหนังไปยังอุปกรณ์สวมใส่ขนาดกะทัดรัด นวัตกรรมนี้ขจัดความจำเป็นในการใช้เจลนำไฟฟ้าและการลอกแผ่นแปะทิ้งหลังใช้งาน Woo Soo Kim ศาสตราจารย์จาก SFU อธิบายว่า การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ในปัจจุบันต้องพึ่งพาแผ่นแปะและเจลที่มักจะแห้งและหลุดออกง่าย แต่ขั้วไฟฟ้าแบบแห้งของทีมวิจัยนั้นให้ความแม่นยำเทียบเท่าเซนเซอร์แบบเจล อีกทั้งยังมอบความสบายที่เหนือกว่าและใช้งานง่ายกว่าสำหรับผู้ป่วย

แก้ปัญหาความยุ่งยากจากเครื่องมือวัดคลื่นหัวใจแบบดั้งเดิม

ผู้ที่เคยผ่านการตรวจ ECG ในโรงพยาบาลหรือต้องติดเครื่อง Holter monitor ย่อมคุ้นเคยกับขั้นตอนที่ยุ่งยาก พยาบาลต้องโกนขนหรือทำความสะอาดจุดเล็กๆ บนหน้าอก ติดแผ่นกาว ทาเจล และเชื่อมต่อสายไฟ เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงหรือหลายวัน แผ่นแปะอาจก่อให้เกิดอาการคัน เคลื่อนที่ หรือหลุดออก เจลที่แห้งกรังทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ และผู้ป่วยต้องมานั่งเช็ดคราบกาวเหนียวเหนอะหนะออกจากผิวหนังในภายหลัง

การทดสอบแต่ละครั้งยังสร้างขยะทางการแพทย์จำนวนมากจากแผ่นแปะ เจล และกระดาษรองหลังที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง นอกจากนี้ แพทย์ยังต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลทีละบรรทัด ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับระบบสาธารณสุขที่ตึงตัวอยู่แล้ว เข็มขัดของ SFU จึงถูกออกแบบมาเพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากขั้วไฟฟ้าแบบแห้งไม่ต้องใช้เจล พยาบาลและผู้ป่วยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสกปรก หากถ้วยดูดหลุดจากการสัมผัส ผู้ป่วยเพียงแค่กดลงไปใหม่เพื่อให้เกิดแรงดูดอีกครั้ง ที่สำคัญคือขั้วไฟฟ้านี้สามารถทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งช่วยลดทั้งต้นทุนและปริมาณขยะ

การวินิจฉัยรวดเร็วด้วยปัญญาประดิษฐ์

นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์รูปแบบใหม่ ทีมวิจัยได้เสริมความอัจฉริยะด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) อุปกรณ์สวมใส่ที่เชื่อมต่อกับเข็มขัดจะรันซอฟต์แวร์ภายในที่สามารถวินิจฉัยเบื้องต้นสำหรับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั่วไปได้ถึง 10 ประเภท ศาสตราจารย์ Kim เน้นย้ำว่า อัลกอริทึม AI จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ผลการตรวจสามารถส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังแพทย์เพื่อยืนยันผล แทนที่จะต้องรอการตรวจสอบจากแผ่นพิมพ์กระดาษแบบเดิม

ความเร็วในการวินิจฉัยมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย ข้อมูลจากสมาคมจังหวะการเต้นของหัวใจแห่งยุโรประบุว่า ประชากรโลก 1 ใน 3 จะมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นกว่า 60% ทั่วโลกภายในปี 2050 การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหัวใจล้มเหลว และการเข้าห้องฉุกเฉินได้

เสียงสะท้อนจากการใช้งานจริง

เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานในคลินิกจริง นักวิจัยได้ร่วมมือกับพยาบาลจากหน่วยติดตามหัวใจของโรงพยาบาล Vancouver General Hospital ในการศึกษาที่นำโดย Yiting Chen นักวิจัยหลังปริญญาเอกของ SFU ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Biosensors and Bioelectronics ทีมงานได้ทดสอบขั้วไฟฟ้าแบบแห้งและการออกแบบเข็มขัดในสภาพแวดล้อมจริง พยาบาลรายงานว่าเข็มขัดนี้ช่วยเพิ่มความสบายและการให้ความร่วมมือของผู้ป่วยได้อย่างมาก โดยเฉพาะในการติดตามผลระยะยาว

ในปัจจุบัน ผู้ป่วยจำนวนมากต้องกลับบ้านพร้อมกับเครื่อง Holter monitor ที่ห้อยด้วยสายสะพาย มีสายไฟระโยงระยาง และมักเกี่ยวกับเสื้อผ้า แผ่นแปะอาจหลุดออกระหว่างนอนหลับหรืออาบน้ำ ทำให้ผู้ป่วยต้องติดใหม่หรือบางครั้งต้องเริ่มการทดสอบใหม่ทั้งหมด แต่ด้วยถ้วยทรงโอริกามิ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องวุ่นวายกับการเปลี่ยนแผ่นแปะและทาเจลใหม่เมื่อมีชิ้นส่วนหลุด เพียงแค่กดเบาๆ ก็สร้างแรงดูดได้อีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี้ช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลจัดการอุปกรณ์ด้วยตนเองได้ง่ายขึ้นมากตลอดระยะเวลาการใช้งาน

ความหวังใหม่สำหรับพื้นที่ห่างไกลและทิศทางในอนาคต

ศาสตราจารย์ Kim และคณะมองว่าระบบนี้เป็นมากกว่าต้นแบบงานวิจัย แต่วาดภาพให้เป็นเครื่องมือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้งานง่ายสำหรับสถานที่หลากหลาย ตั้งแต่ห้องฉุกเฉินที่วุ่นวายไปจนถึงบ้านพักคนชราที่เงียบสงบ เข็มขัดและอุปกรณ์นี้ยังเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่สำหรับชุมชนชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลที่การเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจมีจำกัด โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองและพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เครื่องมือวินิจฉัยโรคมีราคาที่จับต้องได้และเข้าถึงง่าย

ในบริบทดังกล่าว ผู้ที่ต้องการการติดตามอาการสามารถสวมเข็มขัดที่บ้านและตรวจวัดค่าด้วยตนเอง ซอฟต์แวร์ AI จะวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจและแจ้งเตือนหากพบปัญหา การประเมินเบื้องต้นนี้จะถูกส่งไปยังแพทย์ในพื้นที่อื่นเพื่อการวินิจฉัยเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาการเดินทางไกลสำหรับการตรวจเช็คทั่วไป และช่วยให้พบสัญญาณอันตรายได้เร็วขึ้น ปัจจุบัน ทีมงาน SFU กำลังเร่งปรับปรุงความฉลาดของอุปกรณ์และลดขนาดฮาร์ดแวร์ลง โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มความแม่นยำของอัลกอริทึมในการแยกแยะจังหวะการเต้นที่ผิดปกติแบบไม่อันตรายออกจากแบบที่ต้องการการดูแลเร่งด่วน รวมถึงความพยายามของวิศวกรในการลดความสูงของขั้วไฟฟ้าโอริกามิลงเหลือประมาณหนึ่งในสามของขนาดปัจจุบัน เพื่อให้เข็มขัดแนบเนียนไปกับเสื้อผ้าและสวมใส่สบายยิ่งขึ้น

ศาสตราจารย์ Kim เชื่อมั่นว่าการผสมผสานระหว่างวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ และ AI นี้ คือทิศทางใหม่ของการติดตามสุขภาพหัวใจแบบเฉพาะบุคคล ที่ซึ่งเราสามารถตรวจสอบสุขภาพหัวใจได้ในทุกที่ ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลอีกต่อไป

ที่มา: The Brightside News

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

นักวิจัยจากอเมริกาค้นพบ AI เปลี่ยนการสแกน EEG ธรรมดาให้เป็นเครื่องตรวจจับภาวะสมองเสื่อม ที่รวดเร็ว แม่นยำ และไม่แพง

งานวิจัยใหม่เผย AI และ Deep Learning ช่วยยกระดับการตรวจคลื่นสมอง EEG ให้แยกโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's) และโรคสมองส่วนหน้าเสื่อม (FTD) ได้แม่นยำกว่า 84% ลดต้นทุนและเวลาในการวินิจฉัย...

Responsive image

รู้จัก ‘Rachel’ บอดีสูทฝีมือคนไทย เปลี่ยนชุดชั้นในให้เป็น Exosuit พยุงกล้ามเนื้อเพื่อผู้สูงวัย

เปิดตัว ‘Rachel’ ชุดบอดีสูทนวัตกรรมไทยจาก MTEC และ Wacoal ช่วยพยุงกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงการหกล้มในผู้สูงอายุ ออกแบบใส่สบาย ระบายอากาศดี...

Responsive image

Immugence เปิดเวทีเสวนาดูแลสุขภาพโรคด้วย DNA-based ดึงนักวิจัยระดับโลกถกอนาคต Health Tech ครั้งแรกในไทย

อิมมูเจนซ์ (Immugence) ภายใต้ บริษัท อีซีจี อิมมูนิเตอร์ จำกัด (ECG Immunitor) บริษัท Biotech แถวหน้าของไทย ได้จัดงานเสวนาทางวิชาการ “2025 Mini Scientific Forum on DNA-based therap...