บ้านปู โชว์ความก้าวหน้าองค์กรในออสเตรเลีย นำทัพโดย Digital Transformation ควบคู่ขยายพอร์ตพลังงานสะอาด

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เดินหน้าเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านองค์กร (Banpu Transformation) ทั่วทั้งองค์กร ในทุกประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ  ตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านพลังงานที่สนับสนุนภารกิจในการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน โดยธุรกิจของกลุ่มบ้านปูในประเทศออสเตรเลียถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความคืบหน้าของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของกลุ่มบ้านปู  ที่ได้นำกระบวนการ Digital Transformation ซึ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตฟอลิโอพลังงานสะอาด

นางสมฤดี ชัยมงคล

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “จากการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ในทุกกลุ่มธุรกิจของบ้านปูทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งนับว่ามีความโดดเด่นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการปฏิวัติดิจิทัล ไปพร้อม ๆ กับการปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับกลยุทธ์พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยสนับสนุนกลุ่มบ้านปูให้เดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) ด้วยความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่ธุรกิจของการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

บ้านปู​ ออสเตรเลีย

บ้านปูเริ่มลงทุนธุรกิจในประเทศออสเตรเลียในปี 2552  โดยเริ่มต้นดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถ่านหิน และจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั่วทั้งองค์กร ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจในออสเตรเลียมีการต่อยอดด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) เข้ามาเพิ่มศักยภาพและเสริมความแข็งแกร่ง 

กรอบการทำงานสำหรับ Digital Transformation ของกลุ่มบ้านปู อยู่ภายใต้แนวคิด Triple-Transformation Framework ได้แก่ ด้านธุรกิจ มุ่งสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหม่ผ่านการขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลโซลูชัน ตลอดทั้งระบบงานของธุรกิจอย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพ ด้านเทคโนโลยี วางโครงสร้างการพัฒนาเทคโนโลยีจากนวัตกรรมที่ทันสมัย พัฒนาระบบการทำงานแบบ Agile สร้างเครือข่ายพันธมิตรกับสตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และผู้พัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และ ด้านบุคลากร  มุ่งบ่มเพาะดีเอ็นเอแบบ Agile สร้างค่านิยมการทำงานแบบ Hackathon ให้ทุกคนพร้อมทดลอง เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

บริษัทฯ ได้ก่อตั้ง Digital Capability Center (DCC) ในประเทศออสเตรเลียขึ้นในปี 2561 เพื่อสร้างความสามารถภายในองค์กรในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของพนักงานและเครื่องจักรให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว ลดข้อผิดพลาดจากทั้งมนุษย์ และอุปกรณ์ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการบริหารต้นทุนที่เหมาะสม ที่ผ่านมาหน่วยงาน DCC ของออสเตรเลียประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปเสริมแกร่งการทำงานถึง 14 เคส ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่สำคัญ อาทิ แพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Platform) ที่นำมาใช้ในการติดตามตรวจสอบการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์บน IIoT และการวิเคราะห์บนคลาวด์แพลตฟอร์ม ‘SwitchDin’ เพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานในทุกเหมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Real-Time Condition Monitoring Using AI เป็นการนำอุปกรณ์ที่มีอยู่ (เช่น ปั๊ม มอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ ฯลฯ) มาติดตั้งอุปกรณ์ IoT เพื่อเห็นมุมมองการทำงานของอุปกรณ์แบบองค์รวม โดยสามารถตรวจสอบสภาพอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ มีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่ออุปกรณ์เริ่มทำงานผิดปกติ รวมถึงนำข้อมูลที่ได้สำหรับการวางแผนงานเชิงป้องกันและการคาดการณ์ในอนาคต เป็นต้น 

สำหรับการลงทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด (Greener Portfolio) ในประเทศออสเตรเลีย กลุ่มบ้านปูได้จัดตั้ง บริษัท Banpu Energy Australia เพื่อดำเนินงานโดยจะมุ่งเน้นใน 3 ด้าน คือ โครงการพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  (Decarbonization Projects) การพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน (Energy Solutions) และการบริหารจัดการพอร์ตฟอลิโอเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด (Portfolio Optimization)  โดยล่าสุด ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เบอริล (Beryl หรือ BSF) กำลังการผลิต 110.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มานิลดรา (Manildra หรือ MSF) กำลังการผลิต 55.9 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์  

นอกจากนี้ โครงการปั๊ม ไฮโดร เอ็นเนอจี สตอเรจ  (Pump Hydro Energy Storage Project) ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีและการวิจัยชั้นนำของโลกที่ทางบริษัทฯ ได้รับเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่งจากสำนักงานพลังงานทดแทนแห่งออสเตรเลีย (ARENA) และรัฐบาลของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการพลังงานน้ำที่สามารถกักเก็บไว้ที่เหมืองใต้ดินในบริเวณที่ทำเหมืองเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อสร้างพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำ จ่ายให้กับระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 600 เมกะวัตต์  การจัดหาพลังงานหมุนเวียนผ่านนวัตกรรมในโครงการนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะต่อยอดระบบนิเวศด้านพลังงานของบ้านปู ให้ก้าวสู่เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568

นอกจากนี้ บ้านปูยังสนใจศึกษาธุรกิจเหมืองแร่ที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Tech Minerals) ที่สามารถนำมาต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากบริษัทฯ มีฐานการผลิตเหมืองถ่านหินอยู่แล้ว และออสเตรเลียก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสินแร่แห่งอนาคตอยู่มากเช่นเดียวกัน

“บ้านปูยังคงมุ่งมั่นเดินตามกลยุทธ์แผน 5 ปี ต่อยอด Greener & Smarter ขยายพอร์ตพลังงานสะอาด ด้วยแนวทางที่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับวิถีธุรกิจแบบ Never Normal ในปัจจุบัน และสอดรับกับเทรนด์พลังงานโลก เดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรในทุกประเทศที่บ้านปูดำเนินธุรกิจ นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจพลังงาน (Banpu Ecosystem) เพื่อส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืนภายใต้จุดยืน “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” หรือ Smarter Energy for Sustainability ต่อไป” สมฤดีกล่าวสรุป



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...