หลังจากที่มีประเด็นว่าด้วยการที่ Citigroupประกาศถอนทัพออกจากธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคล (Consumer Banking) ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ 2564 ในประเทศไทย อินโดนีเชีย มาเลเชีย และ เวียดนาม และหันมาโฟกัสในธุรกิจสายสถาบันธนกิจ หรือ ICG (Institutional Clients Group) และวาณิชธนกิจ (Investment Banking) แทนนั้นโดยการประมูลธุรกิจ Consumer Banking นั้น
มีกระแสข่าวลือถึงผู้ที่จะคว้าบิ๊กดีลนี้ไปครองล้วนเป็นตัวเต็งทั้งสิ้น โดยที่มีสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่จำนวนมากเข้าร่วมประมูล ไม่ว่าจะเป็น UOB, DBS Group Holdings, Standard Chartered Plc รวมถึงมีชื่อของ “ธนาคารกรุงเทพ”และ “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” เข้าร่วมประมูลในส่วนของสินทรัพย์ในประเทศไทยด้วย โดยมีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินธุรกิจ Consumer Banking ในไทยอยู่ที่ประมาณ2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 66,000 ล้านบาท
จนกระทั่งล่าสุดผลออกมา โดยรายงานข่าวระบุว่า Citigroup ตัดสินใจขายธุรกิจลูกค้ารายย่อยไทยและเลือก “กลุ่ม UOB” ให้เป็นผู้ชนะการประมูลธุรกิจในครั้งนี้ก็เป็นได้ ซึ่งมูลค่าที่ UOB ได้ไปนั้นอยู่ที่ 3.65พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 120,450 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวนับเป็นซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ UOB ในรอบ 20 ปี
โดยหลังจากการที่ Citi ได้ประกาศการบรรลุขัอตกลงในการขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลของซิตี้ประเทศไทย อินโดนีเชีย มาเลเชีย และ เวียดนาม ให้แก่ กลุ่ม UOB โดยธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงธุรกิจธนาคารลูกค้าบุคคล (retail banking) และธุรกิจบัตรเครดิต แต่ไม่รวมธุรกิจสถาบันของธนาคารในทั้งสี่ประเทศ
ธนาคารยังคงมุ่งมั่นและมุ่งเน้นในการให้บริการลูกค้าสถาบันในตลาดเหล่านี้ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และทั่วโลกนั้นข้อตกลงนี้ครอบคลุมพนักงานซิตี้ทั้งหมดประมาณ 5,000 คนซึ่งประกอบด้วยพนักงานธนาคารในธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคลและพนักงานในส่วนสนับสนุนธุรกิจบุคคล ซึ่งจะโอนไปยังยูโอบี เมื่อเสร็จสิ้นการขายข้อตกลงนี้มีมูลค่าตามทรัพย์สินสุทธิของธุรกิจ และขึ้นอยู่กับรายการปรับปรุงเมื่อเสร็จสมบูรณ์ บวกค่าพรีเมียม 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ [690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ]
มร.ปีเตอร์ บาเบจ ซีอีโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่ารู้สึกยินดีที่จะประกาศการทำธุรกรรมนี้กับยูโอบีซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมั่นใจว่ายูโอบีมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งและมีความต้องการในการเติบโตในระดับภูมิภาค พร้อมที่จะมอบโอกาสที่ดีในการทำงานแก่พนักงานในกลุ่มธุรกิจธนาคารลูกค้าบุคคลของเราในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม
ในขณะเดียวกันเรามีความมุ่งมั่นในการนำเงินทุนที่เกิดจากการทำธุรกรรมนี้ไปใช้ในพื้นที่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเรา รวมถึงเครือข่ายสถาบันของเราทั่วเอเชียแปซิฟิกเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับซิตี้
มร. มาร์ค เมสัน ซีเอฟโอของซิตี้ กล่าวว่า การขายธุรกิจธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลใน 4 ประเทศนี้ ควบคู่ไปกับการทำธุรกรรมที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของเราในการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ เรามุ่งมั่นในการทำงานเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นโดยมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าที่จะคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต”
มร. ทีบอร์ พานดิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซิตี้ ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกรรมนี้เป็นผลดีต่อลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และองค์กรของเราซิตี้มุ่งมั่นที่จะทำให้ธุรกรรมนี้เป็นไปอย่างราบรื่น และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆในการให้บริการแก่ลูกค้าธนาคารกลุ่มลูกค้าบุคคลและลูกค้ากลุ่มบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) ของเรา ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับซิตี้ เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่าครึ่งศตวรรษ และเรายังคงมุ่งมั่นและมุ่งเน้นให้บริการลูกค้าสถาบันทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และทั่วโลก”
ยูโอบี ได้รับการคัดเลือกจากซิตี้ตามขั้นตอนการประกวดราคาที่เปิดกว้างและแข่งขันได้ซิตี้มุ่งมั่นที่จะทำให้ธุรกรรมนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ธุรกรรมการขายในแต่ละประเทศจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใดนั้นไม่ขึ้นต่อกัน หากขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการอนุมัติด้านกฎระเบียบและเงื่อนไขของประเทศนั้น ๆ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติด้านกฎระเบียบ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด