เทรนด์ใหม่ ! เที่ยวไป ทำงานไป Digital Nomad Visa ตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ | Techsauce

เทรนด์ใหม่ ! เที่ยวไป ทำงานไป Digital Nomad Visa ตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขึ้นเขา อาบแดด หรือ รับลมชายทะเล พร้อมแล็บท็อปคู่ใจ การทำงานยุคใหม่ของ Digital Nomad ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็สามารถทำงานได้หากมีอินเทอร์เน็ต หลายประเทศทั่วโลกตื่นตัวและเห็นโอกาสในกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นและระดับประเทศ จึงออกไอเดีย "Digital Nomad Visa" ที่เสนอสิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้มายังประเทศตน

เทรนด์ใหม่ ! เที่ยวไป ทำงานไป Digital Nomad Visa ตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

“การทำงานในสำนักงานยังจำเป็นหรือไม่”

หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนปี 2020 จะพบว่าหลายบริษัทมีการปรับตัวทำ Digital Transformation นำองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ มาปรับใช้เพื่อเชื่อมต่อ Digital Connectivity ระหว่างคนในองค์กร โปรแกรมประชุมออนไลน์ทำให้เราสามารถพูดคุยกัน วางแผนงานกันได้โดยใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของตนเอง จนหลายคนตั้งคำถามว่า “การทำงานในสำนักงานยังจำเป็นหรือไม่” จนกระทั่งทั่วโลกอยู่ในช่วงล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้หลายบริษัทได้เรียนรู้ว่าการเข้าออฟฟิศพร้อมหน้าพร้อมตาอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดเสมอไป และทีมงานยังคงทำงานได้ดี ถึงแม้จะนั่งทำงานจากที่ใดหากมีระบบรองรับที่ดี 

ปัจจุบันหลายบริษัทเสนอทางเลือกให้พนักงานสามารถ “Work From Anywhere” หรือทำงานได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือแม้กระทั่งอยู่ในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เช่น บริษัท Zapier, GitLab และ Doist ได้นำโมเดลการทำงานระยะไกล (All-Remote) ทั้งหมดมาใช้ Twitter และ Shopify ที่ใช้แนวทาง “Remote-First” คู่กับการทำงานแบบ Physical Offices หรือล่าสุดอย่าง Google ที่อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ในปี 2021 

ทุกวันนี้จำกัดความของคำว่า “Anywhere” ขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้นเรื่อย ๆ ไปสู่อีกระดับจนเกิดแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ที่อาศัยการทำงานจากที่ใดก็ได้โดยเลือกจุดหมายปลายทางที่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวไปในตัวหรือที่เรียกว่า “Work-Cations” เทรนด์ใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและยังทำให้คนทำงานได้เพลิดเพลินผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ได้เลือกสรรด้วยตนเอง จนกระทั่งเกิดนิยามของคำว่า “Digital Nomad” ที่ถูกนำมาเรียกคนที่มีรูปแบบการทำงานจากที่ไหนก็ได้จากสักมุมหนึ่งบนโลกเพียงเชื่อมต่อผ่านระบบออนไลน์

Digital Nomad Visa Programs

Prithwiraj (Raj) Choudhury นักวิจัยจาก Harvard Business ได้เล่าว่า ในปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกเห็นความสำคัญและแข่งขันกันเพื่อดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศภาคการท่องเที่ยวประสบปัญหา เริ่มเสนอวีซ่าหรือสิทธิประโยชน์เฉพาะให้กลุ่มคนที่ทำงานจากระยะไกลเพื่อดึงดูดให้เข้ามา Work-Cationsในประเทศมากขึ้น เช่น การขยายวีซ่าทำงานระยะสั้นให้อยู่ต่อได้นานยิ่งขึ้น การยกเว้นภาษีเงินได้ท้องถิ่นสำหรับการเข้าพัก 

ตัวอย่างเช่น โปรตุเกส เสนอวีซ่าพำนักแบบต่ออายุได้สองปีสำหรับคนงานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขามีงานที่ต้องตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ นอกจากนี้ยังมีออสเตรเลีย สาธารณรัฐเช็ก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอสโตเนีย เยอรมนี อิตาลี สเปน บราซิล เป็นต้น สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด อินโดนีเซีย ที่ประกาศให้วีซ่าสำหรับการทำงานทางไกล 5 ปี การงดเว้นภาษี และส่งเสริมการพักผ่อนด้านจิตใจ Spiritual Retreat อย่างเต็มที่ โดยใน ไทย บ้านเรานั้น มีการออกมาตรการรองรับกลุ่ม Digital Nomad โดยอนุญาตการตรวจลงตราให้กับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักแบบระยะยาว (Long Stay) ในรูปแบบ “นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV)” ให้สามารถอยู่ในไทยได้ครั้งละ 90 วัน และอยู่ต่อได้อีกสองครั้งหรืออยู่สูงสุดได้ไม่เกิน 270 วัน เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ


 เทรนด์ใหม่ ! เที่ยวไป ทำงานไป Digital Nomad Visa ตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจCr. Harvard Business Review

Digital Nomad Visa, Remote Work Visa, Freelancer Visa จะถูกเรียกแตกต่างกันออกไป มีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในบางประเทศก่อนจะได้รับวีซ่าเหล่านี้จำเป็นต้องมีหลักฐานแสดงรายได้และรายงานแจ้งการทำจ้างงานทางไกลหรือ Remote Employment ประกันการเดินทางเพื่อแสดงประกอบการเดินทาง พวกเขายังมีข้อกำหนดด้านรายได้และการจ้างงาน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือวีซ่าเหล่านี้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ภายในท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ 

ในช่วงระยะสองปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าการเดินทางจับจ่ายใช้สอยของเหล่า Digital Nomad ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น มากไปกว่านั้นยังเป็นแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นแนวทางที่ Win-Win ต่อผู้ที่มาทำงานและชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ รู้หรือไม่ว่า Digital Nomad Visa ยังส่งผลดีกับประเทศและท้องถิ่นด้านอื่น ๆ อีก 

การแก้ไขชั่วคราวสำหรับปัญหาการย้ายถิ่นฐานและการอนุมัติวีซ่าล่าช้าทั่วโลก

ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันคนจำนวนมากที่มีเป้าหมายการเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อทำงานหรือเพื่อจุดประสงค์ด้านต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากวีซ่านักท่องเที่ยวมักจะหมดอายุหลังจาก 30-90 วันหรือต้องประสบปัญหาการดำเนินการขั้นตอนจำนวนมากที่ใช้เวลานาน เพราะนโยบายการเข้าเมืองหรือการรอดำเนินการขอวีซ่าที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ต้องรอการอนุมัติวีซ่าเป็นเวลานานและมีอัตราการปฏิเสธเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ซึ่งการระบาดใหญ่ที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพราะ การจำกัดการเดินทาง การปิดสถานทูตในต่างประเทศ Digital Nomad Visa จะช่วยให้สามารถเข้าถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ในระยะสั้น 

การไหลบ่าของความรู้ บุคลากร และทรัพยากรระหว่างภูมิภาค

งานวิจัย ที่ศึกษาเกี่ยวกับ Geographic Mobility And Innovation หรือการเคลื่อนย้ายและนวัตกรรมทางภูมิศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการเดินทางระยะสั้นแบบ Short-Term Travel และแม้แต่การเดินทางแบบ Co-Location กับเพื่อนร่วมงาน สามารถช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรที่สามารถช่วยพัฒนาแนวคิดและโครงการใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งพนักงานที่ทำงานนอกสถานที่และต่อองค์กรของตน

นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาที่ศึกษาว่า แรงงานข้ามชาติที่มีทักษะความสามารถเฉพาะจะนำความรู้เฉพาะตัวที่ได้จากบริบททางวัฒนธรรมของประเทศตนกลับมาสู่ชุมชนเจ้าบ้าน มากไปกว่านั้น ท้องถิ่นจะสามารถมีส่วนร่วมในการผสมผสานความรู้ในพื้นที่เข้ากับความรู้จากคนต่างถิ่น หรือที่เรียกว่า Knowledge Recombination ด้วย โดย Dany Bahar และ Hillel Rapoport ผู้วิจัยระบุว่า ไม่เพียงแต่ "นำเข้า" ความรู้แต่ยังไปถึงขั้นสร้างสรรค์นวัตกรรมและการจดสิทธิบัตร โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นต้นกำเนิดขององค์ความรู้ (Home Countries Specialize) 

รูปแบบการทำงานของ Digital Nomad ดังกล่าวสร้างประโยชน์ที่เกื้อหนุนกันและกันทั้งต่อตัวคนทำงาน บริษัท และท้องถิ่นซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง สุดท้ายนี้ Digital Nomad หรือคนที่เลือก Work From Anywhere อาจมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้านนอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการสร้างคลัสเตอร์เทคโนโลยีในมุมต่าง ๆ ทั่วโลก 

ที่มา

How “Digital Nomad” Visas Can Boost Local Economies

21 Countries With Digital Nomad Visas (For Remote Workers)

Migrant Inventors and the Technological Advantage of Nations

Return migration and geography of innovation in MNEs: a natural experiment of knowledge production by local workers reporting to return migrants


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ใช้ AI ไขรหัสโปรตีน! นักวิทยาศาสตร์ยุค AI คว้ารางวัลโนเบลเคมีแห่งปี 2024

รางวัลโนเบล (Nobel Prize) สาขาเคมี ปี 2024 ได้ถูกมอบให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อไขรหัสของโปรตีน ทำให้วงการเกิดความก้าวหน้าด้านการคาดการณ์ และออกแบบโครงสร้างของโปรตี...

Responsive image

ผลสำรวจ Salesforce เผย ผู้บริหารไทย 84% มอง Gen AI สำคัญ ชู Agentforce - Data Cloud ตัวช่วยปลดล็อคศักยภาพ

ผลการวิจัยล่าสุดของ Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ที่ทำการสำรวจข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 84% มองเทคโนโลยี Generative AI ว่าเป...

Responsive image

Foxconn ผลิตซูเปอร์ชิปพร้อมเสิร์ฟให้ Nvidia เดินหน้าตั้งโรงงาน GB200 ใหญ่สุดในโลก

Foxconn บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตซูเปอร์ชิป GB200 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ Blackwell ชิปกราฟิกรุ่นใหม่ของ Nvidia...