กดเลื่อนปลุก หรือที่เรียกกันว่า Snooze กลายเป็นกิจวัตรยามเช้าที่หลายคนคุ้นเคย แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจะไม่แนะนำก็ตาม ล่าสุดมีงานวิจัยใหญ่ระดับโลกเผยว่า เกินกว่าครึ่งของคนทั่วโลกยอมรับว่า "กดเลื่อนปลุก" แทบทุกวัน และอาจกำลังทำร้ายสมองโดยไม่รู้ตัว

ทีมวิจัยจาก Mass General Brigham วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้งานแอป Sleep Cycle กว่า 21,000 คนทั่วโลก ครอบคลุม 3 ล้านคืนของการนอน พบว่า 56% ของการนอนทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ มีคนกดเลื่อนปลุกแล้วนอนต่อในแต่ละวัน เฉลี่ยแล้วประมาณ 11 นาที
แต่คนที่กดเลื่อนปลุกในตอนเช้าเกิน 80% มักใช้เวลากับการนอนต่อหลังกดเลื่อนปลุกไปรวม ๆ แล้วประมาณวันละ 20 นาที ซึ่งแปลว่าในแต่ละเช้า พวกเขาจะนอน ๆ ตื่น ๆ สลับไปมาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกจริง
แล้วมันส่งผลเสียอย่างไร ?
หลายคนเชื่อว่าการกดเลื่อนปลุกแล้วนอนต่ออีกนิด จะช่วยให้ตื่นมาสดชื่นขึ้น แต่จากงานวิจัยล่าสุด ความเชื่อนี้ไม่จริงเลยแม้แต่นิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ สมองของคุณกำลังถูกขัดจังหวะจากช่วงที่สำคัญที่สุดของการนอน คือช่วง REM ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมระบบความจำ รีเฟรชอารมณ์ และจัดระเบียบความคิดต่างๆ
ทันทีที่นาฬิกาปลุกดัง สมองจะถูกกระชากออกจาก REM พอคุณกดเลื่อนปลุกแล้วหลับตาต่อ สมองจะไม่กลับไปอยู่ใน REM อีก แต่จะเข้าสู่ภาวะหลับตื้นแทน ซึ่งไม่มีประโยชน์เท่าไรนัก แถมยังทำให้วงจรการนอนถูกรบกวน พอถึงเวลาตื่นจริง ๆ ก็เลยรู้สึกเบลอ มึน ง่วงซึม เหมือนยังตื่นไม่สุด
ดร.รีเบคก้า ร็อบบินส์ หนึ่งในทีมวิจัยจากโรงพยาบาล Brigham and Women’s Hospital บอกไว้ชัดว่า การตื่นที่ดีควรเกิดขึ้นครั้งเดียวจบ ไม่ใช่ตื่นแล้วหลับ ตื่นแล้วหลับแบบวนลูป เพราะมันจะทำให้สมองหลุดจากจังหวะธรรมชาติของการตื่น ส่งผลต่อสมาธิ พลังงาน และอารมณ์ไปตลอดวัน
จริง ๆ แล้ว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ขี้เกียจลุก” แต่เป็นเรื่องของสมอง ระบบนาฬิกาชีวภาพ และคุณภาพของการตื่นตัวที่แท้จริง การกดเลื่อนปลุกอาจทำให้รู้สึกเหมือนได้เวลานอนเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่สิ่งที่คุณได้กลับมา คือการเริ่มต้นวันแบบเบลอ ๆ ประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควร และอาจส่งผลถึงทั้งการทำงานและสุขภาพระยะยาว
หนึ่งในสิ่งที่ทีมวิจัยค้นพบและน่าสนใจมากคือ “การกดเลื่อนปลุกไม่ได้เกิดขึ้นเท่ากันทุกวัน” เพราะในช่วงวันทำงาน โดยเฉพาะตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ คนจะมีแนวโน้มกดเลื่อนปลุกสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเราทุกคนต่างต้องตื่นให้ทันเวลาไปทำงาน ไปเรียน หรือรับผิดชอบบางอย่างที่เลี่ยงไม่ได้
แต่พอถึงวันเสาร์อาทิตย์ พฤติกรรมนี้กลับลดลงแบบเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าความกดดันในการ “ต้องตื่นตรงเวลา” หายไป คนก็ไม่รู้สึกจำเป็นต้องยืดเวลาให้นาฬิกาปลุกดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือคนที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งงานวิจัยพบว่า พวกเขากดเลื่อนปลุกน้อยกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะสดชื่นกว่า แต่เพราะไม่มีเวลาจะเลื่อนอะไรได้อีก ต้องรีบลุกจากเตียงทันทีเพื่อไปทำงานหรือจัดการภารกิจของวันนั้น เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ไม่มีสิทธิ์เลื่อน
ถ้าขยายภาพไปในระดับประเทศ ก็จะเห็นความแตกต่างที่น่าสนใจเช่นกัน อาทิ
เรื่องนี้อาจสะท้อนภาพรวมของวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน เช่น ในประเทศที่ให้ความสำคัญกับวินัยและความตรงต่อเวลาอย่างญี่ปุ่น คนอาจฝึกตัวเองให้ตื่นทันเวลาจริงโดยไม่ต้องพึ่งการกดเลื่อนปลุก ขณะที่บางประเทศอาจเปิดพื้นที่ให้กับความยืดหยุ่นส่วนตัวในตอนเช้ามากกว่า
อ้างอิง: scitechdaily
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด