สำหรับใครที่เป็นคอหนังหรือซีรีย์ไม่ว่าจะทั้งไทยหรือต่างประเทศ ก็คงหนีไม่พ้น ‘Iflix’ ผู้ให้บริการดูซีรีส์และหนังออนไลน์ ที่ตอนนี้ประกาศได้รับการระดมทุนเพิ่ม 133 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับการสนับสนุนการลงทุนจาก Evolution Media, UK broadcaster Sky, Catcha Group มาเลเซีย, Liberty Global, Jungle Ventures และ PLDT อีกทั้งยังเตรียมพร้อม ผลักดันโปรดักชั่น เพื่อดำเนินธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ ตั้งเป้าผู้ใช้งานพันล้านราย
Iflix เป็น Streaming Services จากมาเลเซีย ซึ่งก็คือผู้ให้บริการดูซีรีส์และหนังออนไลน์ในเอเชียเช่นเดียวกับ Netflix แต่ Iflix กำลังมุ่งไปที่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) โดยได้ระดมทุนใหม่จำนวน 133 ล้านดอลลาร์เพื่อเร่งดำเนินธุรกิจ
การลงทุนนี้นำโดย Hearst สำนักพิมพ์และเจ้าของสถานีโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริการวมทั้ง BuzzFeed, Vice และ Roku ซึ่งเป็นกลุ่มผลงานของการลงทุน กลุ่มดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก EDBI ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการลงทุนของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์พร้อมกับลูกค้าที่ไม่ได้เปิดเผยของธนาคาร DBS ในสิงคโปร์ นักลงทุนรายเดิมที่เข้าร่วม ได้แก่ Evolution Media, UK broadcaster Sky, Catcha Group ของมาเลเซีย, Liberty Global, Jungle Ventures และ PLDT
Iflix เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมในปี 2558 เริ่มแรกได้เลือกตลาดในเอเชีย ปัจจุบัน Streaming Services มีราคาประมาณ 3 ดอลลาร์ต่อเดือนและมีให้บริการแล้ว 19 ประเทศด้วยการขยายสู่ตะวันออกกลางและแอฟริกา โดยธุรกิจดังกล่าวได้ระดมทุนเกือบ 300 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน เริ่มต้นด้วยรอบก่อนเปิดตัว 30 ล้านดอลลาร์ในปี 2015 ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 45 ล้านดอลลาร์จาก Sky เมื่อปีที่แล้ว และในเดือนมีนาคมปีนี้เองได้เพิ่มเป็น 90 ล้านดอลลาร์ และในรอบล่าสุดบริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ 500,000,000 ดอลลาร์ แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงการประเมินมูลค่าต่อการจัดหาเงินทุนใหม่นี้
เห็นได้ชัดว่า Netflix จากสหรัฐฯ เป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองของ Iflix ด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 100 ล้านรายที่จ่ายเงินเพื่อเป็นสมาชิกและอีก 5.2 ล้านในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งมีเพียงไม่กี่รายที่สามารถเป็นคู่แข่งกับสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้ ในส่วนนี้การแข่งขันระดับภูมิภาค ประกอบไปด้วย HOOQ ของสิงคโปร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Singtel บริษัทโทรคมนาคม และ PCCW Media ซึ่งเป็นเจ้าของ Vuclip รวมถึง local single ซึ่งเป็น streaming services ระดับประเทศ ได้มีการเปรียบเทียบที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
Iflix กล่าวว่ามีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้ว 5 ล้านรายในเดือนมีนาคม แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอัพเดตในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็น ‘การเติบโตอย่างมาก’ มีการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 3 เท่า ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 230% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในการให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch คุณ Mark Britt ซึ่งเป็น CEO ของ Iflix ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเปรียบเทียบอย่างหลีกเลี่ยงกับ Netflix โดยได้ยืนยันว่าบริการไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
คุณ Britt กล่าวว่า "แท้จริงแล้วเราไม่ได้เห็น Netflix เป็นคู่แข่ง เพียงแต่เราเห็นว่าเราเป็นผู้ให้บริการใหม่สำหรับตลาดมวลชน "
และยังได้อธิบายว่าโมเดลของ Netflix มีเป้าหมายไปที่กลุ่มชนชั้นสูงระดับโลกผู้ที่มีอุปกรณ์ระดับ high-end เช่น iPhone มีรายได้ที่สามารถจับจ่ายได้และมีบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงิน ในขณะที่ Iflix อ้างว่าได้มุ่งไปที่ผู้ที่มีอุปกรณ์ที่อยู่ในระดับล่างและเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ยังถือว่ามีคุณภาพต่ำ แต่ต้องการที่จะใช้โทรศัพท์มือถืออยู่เสมอ
"ถ้า Netflix เป็น iPhone ของ content streaming จุดประสงค์ของเราคือการเป็นระบบปฏิบัติการ Android เราชอบที่จะเป็นตัวเลือกรองสำหรับสังคมระดับสูง - ถ้าคุณรัก Netflix คุณควรจะได้รับ Iflix เป็นส่วนเพิ่มเติม แต่สำหรับตลาดมวลชนแล้วการบริโภคอยู่บนอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นส่วนใหญ่"
รายงานล่าสุดจาก Media Partners Asia คาดการณ์ว่าการบริโภควิดีโอออนไลน์ในเอเชียเพียงอย่างเดียวอาจเกิน 20 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2563 (ปี 2020) แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะตกลงไปที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์เมื่อจีนซึ่งเป็นผู้ครอบครองโดยผู้เล่นท้องถิ่นและ Iflix ไม่มีอยู่จะถูกย้ายออกมา
อย่างไรก็ตาม Iflix ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่คล้ายกับ Netflix โดยในปีนี้บริษัทได้เริ่มออกอากาศรายการต้นฉบับของตัวเองซึ่งนำเสนอเนื้อหาแนว Comedy จากประเทศมาเลเซียสู่แพลตฟอร์มเมื่อต้นปีนี้ และกำลังขยายไปยังประเทศต่างๆ อีกนับสิบประเทศ ในขณะที่ในเดือนมีนาคมได้จ้าง Sean Carey ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสด้านโทรทัศน์ของ Netflix ให้เป็น chief content officer นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสดกีฬา โดยได้สิทธิ์ในฟุตบอลลีกของอินโดนีเซียและเขายังได้กล่าวอีกว่า ได้มุ่งเน้นไปที่การได้รับเนื้อหาในท้องถิ่นมากขึ้น รวมถึงการเผยแพร่ภาพยนตร์ครั้งแรกและโปรดักชันท้องถิ่น
"เราตระหนักดีว่ากุญแจสำคัญสำหรับเราคือ local content ไม่ใช่ Western content studios โดยส่วนใหญ่เนื้อหา 10 อันดับแรกของเราคือระดับภูมิภาคหรือท้องถิ่น"
Britt กล่าวว่า Iflix อาจมองเข้าไปในภูมิภาคใหม่ด้วยเช่นเดียวกันกับประเทศในละตินอเมริกา ซึ่งอยู่ในรายการของการมีศักยภาพในการเข้าถึงด้วยความคล้ายคลึงกันกับภูมิภาคต่างๆที่ Iflix ได้เข้าถึงแล้ว "โอกาสในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกนี้ถือว่าเป็นจริง" เขากล่าวเสริม
"ทีวีได้หายไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเห็นได้ว่าลดลงอย่างจริงจังในตลาดเกิดใหม่ ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือว่า ผลิตภัณฑ์ของเมื่อวานนี้ทั่วโลกส่วนใหญ่มีอายุไม่ถึง 25 ปี"
คุณ Britt กล่าวว่า "เราเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่พูดคุยกับสตูดิโอและผู้ผลิต เกี่ยวกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้ สำหรับคน1.3 พันล้านคนจะเกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด