จากการเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้า ความเสี่ยงทางมาตรการแทรกแซงต่าง ๆ รวมถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนแล้วส่งผลกระทบในตลาดพลังงานทั้งสิ้น ดังนั้น ณ ตอนนี้จึงต้องยอมรับว่าเรากำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน (Energy Transition) สำหรับกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจข้ามชาติของไทยที่มีบทบาทในตลาดพลังงานเป็นอย่างมากจึงต้องมีการวางแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี นับจากนี้ (2563-2567) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และกำหนดทิศทางในการเดินหน้าธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต
(อ่าน ปตท.ประกาศผลการดำเนินงานปี 2562 ประกอบ คลิกที่นี่)
ปตท. ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 เตรียมแผนการลงทุนในปี 2563 – 2567 วงเงินรวม 180,814 ล้านบาท โดยใช้ในการร่วมทุนและลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ได้แก่ การขยายธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก โครงการมาบตาพุดเฟส 3 ชอง PTT Tank เป็นเงินรวมประมาณ 93,181 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของวงเงินลงทุน
ขณะที่ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ในโครงการท่อก๊าซบนบกเส้นที่ 5 ใช้เงินลงทุน 31,725 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ส่วนการลงทุนใน PTT LNG ในโครงการ LNG Terminal2 ใช้เงินจำนวน 29,054 ล้านบาท คิดเป็น 16% พร้อมกันนี้ยังมีการวางงบลงทุนที่ใช้ในโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อันได้แก่ EECi วังจันทร์วัลเล่ย์ การลงทุน Venture Capital และธุรกิจ New Energy เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 15,182 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% และส่วนที่เหลืออีก 6% หรือวงเงินจำนวน 11,672 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจก๊าซ ซึ่งเป็นการปรับปรุงโรงแยกก๊าซฯ
นอกจากนี้ ปตท.ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 203,583 ล้านบาท โดยอาจจะใช้ในการลงทุนใน LNG Value Chain LNG Hub โครงการ Gas to Power ธุรกิจพลังงานใหม่ ซึ่งจะขออนุมัติเป็นรายโครงการ
FYI : บริษัทในเครือปตท. ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้งกับปิโตรเลียมขั้นต้น ได้แก่ PTT ,PTTEP ,PTT Global LNG ,PTT LNG และ GPSC
ปตท. มุ่งเน้นขยายการเติบโตนำโดยก๊าซธรรมชาติ (LNG) และลงทุนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ก๊าซฯสู่ไฟฟ้า (Gas to Power) โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน จากการที่มองว่าประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีความต้องการใช้อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงการดำเนินธุรกิจ LNG ครบวงจร และเป็นผู้เล่น LNG ระดับโลก พร้อมกับปั้นไทยสู่การเป็น LNG Hub ระดับภูมิภาค (Regional LNG Hub) ับเคลื่อนความมั่นคงทางพลังงานและสร้างเศรษฐกิจ
FYI : บริษัทในเครือปตท. ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้งกับปิโตรเลียมขั้นต้น ได้แก่ PTT ,GC ,Thaioil ,IRPC และ OR
ปตท.เน้นการสร้างพลังร่วมของกลุ่มและบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่ธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดผ่าน Project One และ Hydrocarbon Value Chain รวมถึงการพัฒนา Bio-Circular-Green ในกระบวนการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการผลักดันกระบวนการผลิตด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามแนวทาง Circular Economy และขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความชำนาญและได้เปรียบในการแข่งขันไปสู่การลงทุนในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมูลค่าสูง
ปตท.มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนทันที โดยเป็นการขยายการเติบโตด้วยการร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการ (JV/M&A) ในธุรกิจพลังงานใหม่ (New Energy) อาทิ ธุรกิจไฟฟ้าครบวงจร พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังมุ่งเน้นสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศ เตรียมพร้อมพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ (Smart City Development) โดยเน้นในด้านการบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
และเพื่อเป็นการแสวงหาโอกาสลงทุนในพลังงานรูปแบบใหม่และสร้างธุรกิจใหม่ ปตท. ได้พัฒนาพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เพื่อสร้าง “วังจันทร์วัลเลย์” ให้เป็นเมืองนวัตกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทย สนับสนุนแนวคิดทางด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านการลงทุนประเภท Prototype เพื่อผลักดันงานวิจัยและพัฒนาไปสู่การดำเนินการเชิงพาณิชย์มากขึ้น ได้แก่ การพัฒนาวัสดุปิดแผลจากไบโอเซลลูโลสคอมโพสิต เพื่อช่วยเร่งการรักษาบาดแผลด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของสถาบันนวัตกรรม ปตท. การวิจัยและพัฒนา EV Charger ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้านวัตกรรมของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
รวมถึงการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมรถสามล้อไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเป็นต้นแบบยานพาหนะในอนาคต การสนับสนุนการวิจัย “VISBAT” แบตเตอรี่คุณภาพสูงโดย KVIS เพื่อเป็นอุปกรณ์กักเก็บพลังงานต้นแบบสำหรับรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า และการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีววัตถุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ให้ต้นทุนยาลดลง และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านยาของรัฐ
ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดความยั่งยืน และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด