Ricult สตาร์ทอัพไทย Agritech ขยายสู่ตลาดอาเซียนเรียบร้อย ปักหมุดเวียดนามเป็นประเทศแรก | Techsauce

Ricult สตาร์ทอัพไทย Agritech ขยายสู่ตลาดอาเซียนเรียบร้อย ปักหมุดเวียดนามเป็นประเทศแรก

รีคัลท์ (Ricult) สตาร์ทอัพผู้นำด้าน Agritech ของไทยประสบความสำเร็จในการขยายสู่ตลาดอาเซียน โดยมีการเซ็นสัญญากับทางโรงงานน้ำตาลและบริษัทปุ๋ยอันดับ 1 ของเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Ricult สตาร์ทอัพ Agritech ขยายสู่ตลาดเวียดนาม จับมือ 2 พันธมิตรเบอร์ 1 ระดับประเทศ

นำระบบ AI และ Digital Solution มาช่วยในธุรกิจเกษตรเพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุค Industry 4.0

ด้วยการนำร่องการนำระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Digital Solution มาช่วยในธุรกิจเกษตรเพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุค Industry 4.0 ไม่ว่าจะเป็นการนำ Big Data มาช่วยจัดหาผลผลิตเข้าโรงงาน การช่วยเพิ่มผลผลิตของเครือข่ายเกษตรกร การบริหารความเสี่ยงจากสภาพอากาศ และยังช่วยดูแลเกษตรกรได้อย่างยั่งยืนมากขึ้นผ่านระบบดิจิตอล 

คุณอุกฤษ อุณหเลขกะ ซีอีโอ บริษัท รีคัลท์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากความสําเร็จในการนำ Digital Solution และ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมเกษตรในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีเกษตรกรใช้งานระบบกว่า 600,000 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกผ่านการวิเคราะห์ด้วย AI มากกว่า 10,000,000 ไร่ โดยมีลูกค้าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและธนาคารขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 10 บริษัท มีมูลค่าผลผลิตการเกษตรอยู่ในระบบ “รีคัลท์” กว่าสองหมื่นล้านบาท ทำให้เทคโนโลยีของรีคัลท์ได้รับความสนใจจากธุรกิจการเกษตรในต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในแถบอาเซียนที่มองว่าประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร

ซึ่งสาเหตุที่ทางรีคัลท์ได้เลือกประเทศเวียดนามเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ขยายไป เนื่องจากประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีประชากรกว่า 96 ล้านคน โดยมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทยที่มีเกษตรกรเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และมีธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารเป็นส่วนสําคัญของเศรษฐกิจ มูลค่าตลาดหลายแสนล้านบาท การไปเวียดนามในครั้งนี้รีคัลท์ได้เซ็นสัญญาให้บริการกับโรงงานน้ำตาลและบริษัทปุ๋ยเบอร์ 1 ของประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ Quang Ngai Sugar (QNS)  และ Japan Vietnam Fertilizer Company (JVF) 

โดยระบบของรีคัลท์จะช่วยทั้งสองบริษัทในด้านการบริหารต้นทุน วางแผนการผลิต และสร้างความยั่งยืนในการทำงานกับเกษตรกร โดยระบบ AI ของรีคัลท์ จะมาช่วยในการประเมินผลผลิต บริหารความเสี่ยงจากสภาพอากาศแปรปรวน และเห็นภาพการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวของโรงงานไปจนถึงภาพรวมทั้งประเทศ ยกตัวอย่างเช่นโรงงานน้ำตาล QNS ที่ในแต่ละปีมีการซื้ออ้อยจากเกษตรกรเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ทาง QNS ตั้งเป้าหมายที่จะนำระบบ Digital และ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนและจัดการรับซื้อผลผลิต โดยหวังว่าระบบของรีคัลท์จะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนกว่าร้อยล้านบาทต่อปีและช่วยให้เกษตรกรในเครือหลายหมื่นคนมีผลผลิตที่ดียิ่งขึ้นตามหลัก Sustainable Supply Chain

นอกจากนี้คุณอุกฤษ ยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายหลักของรีคัล์ทในปีนี้คือการขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยและขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในแถบอาเซียน เพราะภาคการเกษตรและธุรกิจการเกษตรและอาหาร คือกระดูกสันหลังของภูมิภาคนี้ ประกอบกับความต้องการในการใช้ Digital Solution มาช่วยในการทำงานของผู้ประกอบการที่มีการปรับตัวเข้าสู่ยุค Industry 4.0 ที่มากขึ้น 

โดยมองว่าประเทศที่รีคัล์ทจะขยายไปต่อหลังจากนี้ก็คือประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าได้ติดต่อเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งฟิลิปปินส์ยังมีประชากรกว่า 110 ล้านคนและส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาคการเกษตร  

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

งานวิจัย Accenture ชี้พนักงาน 60% กลัวตกงานเพราะ Gen AI องค์กรควรปรับระบบให้ใช้ AI ได้เต็มประสิทธิภาพ

แม้พนักงานจะเห็นคุณค่าในการทํางานร่วมกับ Generative AI แต่เกือบ 60% กังวลว่าจะตกงาน ข้อมูลนี้มาจากรายงาน 'Work, work, workers: Reinvented in the age of generative AI' ของ Accentur...

Responsive image

KTB ตั้ง ‘กรุงไทย เวนเจอร์ส’ ลุยธุรกิจ Venture Capital

KTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์เย็นวานนี้ว่า บริษัท กรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด (KTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ธนาคารถือหุ้น 99.99% และเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร ได้จดทะเบียนจัดต...

Responsive image

ttb เปิดตัว 7 ผู้บริหารรุ่นใหม่นำทัพ ทรานส์ฟอร์มองค์กรรอบด้าน เร่งยกระดับประสบการณ์ด้านการเงินแบบไร้รอยต่อ

ทีทีบี (ttb) ปรับโครงสร้างองค์กรรอบด้าน ส่งคนรุ่นใหม่ 7 ผู้บริหารระดับสูง นำทัพขับเคลื่อนกลยุทธ์ มุ่งเจาะกลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน มนุษย์เงินเดือน และลูกค้า Wealth...