‘ความเครียด’ สาเหตุหลักที่คนลาป่วย สัญญาณเตือนที่องค์กรต้องใส่ใจ

ไม่ใช่ท้องเสีย ไม่ใช่ไมเกรน แต่สาเหตุหลักที่คนส่วนใหญ่ขอลาป่วยนั้นมาจาก ‘ความเครียด’ ทำให้อัตราการลาป่วยพุ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ! หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนองค์กรและบริษัทต่าง ๆ ให้หันมาสนใจสุขภาพจิตของพนักงานได้แล้ว

‘เครียด’ สาเหตุหลักที่คนลาป่วย

สถาบันของบุคลากรและการพัฒนา (CIPD) ได้สำรวจสุขภาพของพนักงานในองค์กรต่าง ๆ กว่า 918 แห่ง โดยมีพนักงานทั้งหมด 6.5 ล้านคนเข้าทำแบบสำรวจ ผลสำรวจชี้ชัดว่าพนักงานกว่า 76% ลาป่วยเนื่องจากปัญหาความเครียด

และนอกจากนั้นปัจจัยรองลงมาได้แก่ การติดโควิด 19 และผลกระทบจาก long Covid รวมถึงปัญหาค่าครองชีพสูง อีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาเลือกลาป่วยเพื่อที่จะได้อยู่แต่บ้าน

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ในปี 2022 จำนวนวันที่คนไม่ได้มาทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 7.8 วัน ทำลายสถิติเดิมที่ 5.8 วัน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 

ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า สำหรับการลาหยุดในระยะยาวมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพจิตถึง 63% แต่ในการลาหยุดช่วงสั้น ๆ มาจากการเจ็บป่วยเล็กน้อยถึง 94% ซึ่งเห็นได้ชัดว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัญหาใหญ่ที่ดึงพนักงานออกมาจากองค์กรได้มากที่สุด และยาวนานที่สุด

โดย CIPD และ Simplyhealth (บริษัทประกันสุขภาพ) กำลังเรียกร้องให้องค์กรต่าง ๆ มีสวัสดิการที่ให้พนักงานได้ทำงานแบบยืดหยุ่น และจัดหาบริการด้านสุขภาพให้แก่พวกเขา ซึ่งบริษัทหลายแห่งกำลังดำเนินการช่วยเหลือพนักงานในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น

  • บริษัท 69% จ่ายเงินให้พนักงานในวันลาป่วย
  • บริษัท 82% จัดโครงการช่วยเหลือพนักงาน
  • บริษัท 52% มีแผนจัดการความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคล

แต่การแก้ปัญหาแบบนี้ มันใช่การแก้ปัญหาที่ต้นตอของความเครียดหรือเปล่า ?

สาเหตุหลักของความเครียดที่องค์กรควรตระหนัก

เมื่อความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ทำให้พนักงานเลือกที่จะไม่มาทำงาน องค์กรจึงควรตระหนักและใส่ใจกับพนักงานของตนเอง ก่อนที่การ “ลาป่วย” จะเปลี่ยนเป็น “การลาออก” 

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พนักงานจำนวนมากเครียดและมีปัญหาสุขภาพจิตก็คือ Toxic Culture หรือวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ เพราะหากมีวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษก็ย่อมส่งผลให้การทำงานในองค์กรเป็นพิษไปด้วย ซึ่งองค์กรที่ Toxic มักจะมีการทำงานแบบนี้…

1. ความไม่สมดุลขององค์กร: มี Work-overload หรือภาระงานมาก แต่กลับมีพนักงานทำงานน้อย พนักงานบางคนอาจจะต้องทำงานที่ตนเองไม่ถนัด จึงทำให้ขาด Work life balance และต้องทำงานตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้สร้างแรงกดดันมหาศาลแก่พนักงาน

2. สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ: การทำงานที่แวดล้อมไปด้วยคนที่มีพฤติกรรมไม่ดี ย่อมสร้างบรรยากาศที่เป็นพิษต่อคนทำงาน เช่น อิจฉา แข่งขันกัน หรือการนินทาว่าร้าย ผลสำรวจพบว่ากว่า 70% ของพนักงานที่เครียดและหมดไฟ เพราะเจอกับบรรยากาศในการทำงานที่ Toxic 

ดังนั้นสิ่งที่บริษัทควรทำ ไม่ใช่การแค่ช่วยเหลือพนักงานในตอนที่พวกเขามีปัญหาสุขภาพ แต่ควรที่จะมองลึกถึงต้นตอเพื่อหยุดยั้งปัญหาสุขภาพไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ซึ่งหากองค์กรของคุณมีการทำงานที่เข้าข่าย  Toxic Culture ผู้นำขององค์กรก็ต้องเริ่มตระหนักได้แล้วก่อนที่พนักงานจะลาออกแทน

อ้างอิง: independent, theguardian

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Wongnai POS เปิดตัว mini EDC โซลูชันรับชำระเงินเพื่อ SME รวมทุกการจ่ายในเครื่องเดียว เชื่อมต่อระบบขายหน้าร้านอัตโนมัติ

เมื่อพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนจากการใช้เงินสดไปสู่สังคมไร้เงินสดมากขึ้น ความท้าทายของร้านค้าและผู้ประกอบการ SME จึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ยอดขาย” เพียงเท่านั้น แต่คือ “ร้านค้าพร้อมรองรับการช...

Responsive image

ChatGPT มี Wrapped เป็นของตัวเองแล้ว! เปิดตัว “Your Year with ChatGPT” สะท้อน ‘ตัวตน’ ผ่านบทสนทนาตลอดปี ซื้อใจผู้ใช้ด้วย AI ในฐานะ ‘เพื่อนคู่คิด’

ChatGPT เปิดตัว “Your Year with ChatGPT” ฟีเจอร์ Recap สิ้นปีที่ไม่ได้สรุปแค่สถิติการใช้งาน แต่สะท้อนตัวตน วิธีคิด และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับ AI พร้อมเผยเกมจิตวิทยาและกลยุทธ์ข...

Responsive image

จบปัญหาชื่ออีเมลน่าอาย! Google เตรียมเปิดฟีเจอร์ใหม่ เปลี่ยนชื่อ @gmail.com ได้ ไม่ต้องสมัครใหม่

พบข้อมูล Google เตรียมเปิดฟีเจอร์ให้เปลี่ยนชื่ออีเมล @gmail.com ได้ โดยข้อมูลไม่หาย อีเมลเก่าจะกลายเป็น Alias รับข้อความได้ปกติ...