หลังจาก Reuters Breakingviews รายงานบทความฉบับหนึ่งที่พาดหัวข้อล่าสุดที่ว่า Netflix อาจถูกซื้อโดยยักษ์ใหญ่ Microsoft ในปี 2023 ทำให้เกิดการคาดการณ์จากหลายฝ่ายถึงความเป็นไปได้ว่า Netflix อาจเต็มใจที่จะขายตัวเองหรือไม่ เมื่อทั้งสองบริษัทมีความใกล้ชิดกันและ Microsoft ก็กำลังหาพื้นที่ใหม่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค
ปัจจุบัน Microsoft อยู่ระหว่างการสรุปการซื้อกิจการใน Activision Blizzard มูลค่า 68.7 พันล้านดอลลาร์ หากข้อตกลงดังกล่าวดำเนินไปตามแผนและตามกำหนดเวลา Microsoft จะกลายเป็นบริษัทวิดีโอเกมที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก (รองจาก Sony และ Tencent) และเป็นบริษัทวิดีโอเกมที่ใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในอเมริกาเหนือ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม U.S. Federal Trade Commission ฟ้องร้องเพื่อขัดขวางการซื้อกิจการผู้พัฒนาวิดีโอเกม Activision Blizzard ของ Microsoft โดยมีความเห็นถึงการผูกขาดในธุรกิจ Cloud-Gaming Business
ดังนั้นการซื้อ Netflix อาจทำให้ Microsoft เดินหน้าต่อธุรกิจเกมต่อก็เป็นได้
หลายคนอาจไม่ทราบว่า Netflix มีแผนจริงจังในต่อยอดแพลตฟอร์มสตรีมมิงสู่อาณาจักเกมมาสักพักแล้ว การปลุกปั้นธุรกิจเกมเริ่มจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์เกมเล็กใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังสร้างสตูดิโอของตนเองนำออริจินัลคอนเทนต์มาทรานส์มีเดียสู่สตอรีเทลลิงในรูปแบบของเกม ให้แฟนหนัง แฟนซีรีส์เชื่อมโยงประสบการณ์ ปัจจุบันก็เปิดให้สมาชิกเข้าถึงคลังเกมจำนวนมากและยังเล่นได้ผ่านสมาร์ทโฟนอีกด้วย ธุรกิจเกมในส่วนนี้อาจดึงดูดอะไรบ้างอย่างต่อ Microsoft Full List of Mobile Games on Netflix: December 2022
หากได้สัดส่วนเกมของ Netflix มาไม่เพียงแต่ทำให้ระบบนิเวศเกมของ Microsoft แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแต่ยังได้ผลประโยชน์จากแง่ของผู้ใช้เดิมของ Netflix อีกด้วย นักวิเคราะห์เทคโนโลยี Ben Thompson กล่าวว่า Netflix จะเข้ามาเติมเต็มระบบนิเวศเกมของบริษัทด้วยการพัฒนาร่วมกับ Xbox มากยิ่งขึ้น เพิ่มจุดแข็งในการที่เหนือชั้นกว่าเจ้าอื่น
ก่อนหน้านี้ Netflix ประสบปัญหาการขาดทุนในไตรมาสแรกจากการที่มียอดผู้ใช้งานลดลงในรอบกว่าทศวรรษ ทางสตรีมมิ่งเจ้าดังจึงประกาศแนวทางจำกัดการแชร์รหัสผ่านเพื่อช่วยอุดช่องโหว่รายได้ที่เสียไปและเตรียมออกแพคเกจที่ถูกลงแต่ต้องแลกกับการรับชมโฆษณา หรือฟีเจอร์ Ad-Supported ในช่วงกลางปี 2022
หลังจากนั้น Netflix ประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ Microsoft เพื่อให้เข้ามาดูแลและสนับสนุนระบบด้านการโฆษณาแบบครบวงจรทั่วโลก ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวเปิดใช้แล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จุดนี้จะทำให้ Microsof ได้รับประโยชน์มหาศาลจากความร่วมมือนี้ โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูลเพื่อดึงดูดผู้ชมนับล้าน
ทั้งสองบริษัทมีความใกล้ชิดกันกันก่อนหน้านี้ Brad Smith ประธาน Microsoft ยังนั่งอยู่ในบอร์ดของ Netflix ตั้งแต่ปี 2015 อีกด้วย
Microsoft คือหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่ขยายการทำธุรกิจของตนเองอย่างแข่งขัน ทั้งโปรดักต์ตนเองและการเข้าซื้อบริษัทที่ทำธุรกิจอื่นๆ ในปี 2014 เป็นต้นมา Microsoft เริ่มเข้าซื้อบริษัทชื่อดังหลายแห่งเข้าพอร์ทด้วยกันอย่าง Mojang Studio บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเกมฮิตอย่าง Minecraft ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วย Linkedin ในราคา 26 พันล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน Microsoft ซื้อบริษัทไปแล้วกว่า 273 แห่ง และดีลล่าสุด Activision Blizzard ผู้พัฒนาเกมยอดนิยม Call of Duty, World of Warcraft
ปัจจุบัน Microsoft เองยังเร่งเครื่องเต็มที่ในธุรกิจบริการคลาวด์ Azure ของตัวเอง อาจเป็นการยากที่จะเปิดหน้าใหม่ใน Streaming Wars ตอนนี้ การเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard ยังมีอุปสรรคด้านการผูกขาดทางธุรกิจอีก การซื้อ Netflix ในมูลค่าตามราคาตลาดนั้นจะยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายจำนวนมากให้กับบริษัท ยังยากที่จะคาดเดาถึงการเข้าซื้อกิจการ Netflix อย่างจริงจัง หรือหากเป็นไปได้ก็ยากที่จะทราบว่าจะใช้เวลานานเท่าใดหรือจะเกิดอะไรขึ้น
แต่นั่นไม่ได้หมายถึงจะเป็นไปไม่ได้เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาหุ้นของ Netflix ลดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และถึงแม้หลังมูลค่าเดิมลดลงอย่างมากในปี 2022 แต่ก็ยังเป็นบริษัทที่มีคุณค่ามาก
และหากการซื้อ Activision Blizzard ถูกปัดตกจริง การซื้อ Netflix อาฉทำให้ Microsoft เดินหน้าต่อธุรกิจเกมต่อได้ การซื้อกิจการสตูดิโอเกมซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเติบโตอย่างรวดเร็วอาจเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว และน่าสนใจที่จะขยายขอบเขตไปยังสิ่งที่ Microsoft ไม่เคยทำ
อ้างอิงข้อมูลจาก
Will Microsoft buy Netflix? Why a deal makes sense — and why it doesn’t
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด