ธนาคารโลกได้ลดเปอร์เซ็นต์ GDP อีกครั้ง โดยคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2022 เหลือ 2.9% จากเดิม 3.2% โดยเตือนว่าหลายปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยสวนทางกับการเติบโตที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ผลกระทบในครั้งนี้จะส่งผลต่อภูมิภาคที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางมากที่สุด
David Malpass ประธานธนาคารโลก กล่าวในช่วงแรกของการรายงาน Global Economic Prospects ฉบับล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “เศรษฐกิจโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง เรากำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงและการเติบโตที่ช้าในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้เกิดภาวะ Stagflation ความเจ็บปวดจากภาวะ Stagflation อาจคงอยู่เป็นเวลาหลายปี เว้นแต่อุปทานหลักจะเพิ่มขึ้น”
ภาวะ “Stagflation” คือ การที่สภาพเศรษฐกิจถดถอยจนเกือบจะหยุดนิ่ง แต่เงินเฟ้อกลับพุ่งสูง ซึ่งจัดว่าเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ผิดปกติ คำนี้มาจาก Stagnation + Inflation รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งสะท้อนมาจากสถานการณ์ที่ของแพงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูง แต่เศรษฐกิจกลับโตตามไม่ทันกัน
จากตอนแรกที่ธนาคารโลกคาดการณ์การเติบโตของ GDP ทั่วโลกในเดือนมกราคมที่ 4.1% และเดือนเมษายนที่ 3.2% ในครั้งนี้ ธนาคารโลกจึงได้ปรับเหลือ 2.9%
สาเหตุสำคัญมาจากการที่ทุกประเทศต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาด อันเนื่องมาจากอุปทานสินค้า พลังงาน และอาหารหยุดชะงัก ดูรายละเอียดวิกฤติการณ์ด้านอาหารที่นี่ ท่ามกลางการล็อกดาวน์ในศูนย์กลางการผลิตหลักในจีน และเหตุการณ์สงครามในยูเครน ธนาคารกลางของแต่ละประเทศมากกว่า 60 ประเทศ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และธนาคารกลางยุโรปอาจเริ่มปรับดอกเบี้ยตามภายในอีกไม่กี่เดือน
อ้างอิงจาก Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด