ธรรมศาสตร์เปิดสอน AI Ethics หลักสูตรใช้ AI อย่างรับผิดชอบ เริ่มเรียนจทุกคณะ ส.ค. 68

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ตอกย้ำจุดยืนเชิงรุกต่อการเปลี่ยนผ่านของโลกยุคดิจิทัล ผ่านการพัฒนาหลักสูตร “AI Ethics” หรือจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ Thammasat Next Century เตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยมีทั้งความรู้ ความสามารถ และความรับผิดชอบในการใช้งานเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ปัญญาประดิษฐ์กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทั้งในห้องเรียน ที่ทำงาน และบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยหลักสูตรนี้ถูกวางให้เป็นรากฐานสำคัญของระบบการศึกษายุคใหม่ ที่ไม่เพียงเน้นทักษะด้านเทคนิคเท่านั้น 

แต่ยังปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยี พร้อมชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของ AI ที่เกิดจาก “อคติของข้อมูล” (Data Bias) หรือการนำไปใช้ในบริบทที่มีความอ่อนไหวในแต่ละสาขาวิชาชีพ อาทิ แพทย์ จิตวิทยา หรือกฎหมาย ที่ต้องพิจารณาเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และความไว้วางใจ ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพทางเทคโนโลยี และคำนึงว่า AI ไม่ใช่ศาสตร์แยกขาดจากบริบทของมนุษย์ แต่เป็นทักษะเสริมและเครื่องมือที่ต้องประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละวิชาชีพ

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระงาน และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ขณะที่ในด้านการลงทุน AI กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในภาคบริการทางการเงินที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายด้าน AI สูงถึง 9.7 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ซึ่งการคาดการณ์ที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้นำองค์กร โดย 70% ของ CEO และ 68% ของ CFO เชื่อว่าองค์กรที่ไม่ลงทุนในเทคโนโลยี AI โครงสร้างพื้นฐาน และทักษะที่เกี่ยวข้องในขณะนี้ จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายสำคัญในการ ใช้ AI เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งอาจนำไปสู่การละเลยด้านจริยธรรมในกระบวนการพัฒนาและปรับใช้ AI อย่างรอบคอบ ซึ่งการมุ่งเน้นเพียงประสิทธิภาพและผลตอบแทนทางธุรกิจโดยไม่ให้ความสำคัญกับหลักการจริยธรรม อาจสร้างความเสี่ยงและผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงในระยะยาว เช่น การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การสร้างอคติในระบบ หรือการขาดความโปร่งใส ซึ่งสามารถทำลายความไว้วางใจของผู้บริโภคและภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว

“ในช่วงที่ AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกมิติ ภาคการศึกษาของไทยต้องไม่เดินตามหลังโลก โดยต้องเป็นผู้นำการปลูกฝังความเข้าใจ ความเท่าทันเทคโนโลยีควบคู่กับหลักจริยธรรม เพื่อเตรียมเยาวชนให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมีความรับผิดชอบ ดังนั้น ธรรมศาสตร์จึงมีการผลักดันหลักสูตร “จริยธรรม AI” หรือ “AI Ethics” ร่วมกับคณะผู้บริหารฝ่ายวิชาการมธ. โดยมี ผศ. ดร.รัชฎา คงคะจันทร์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล (Data Science and Innovation) เป็นหนึ่งในแกนนำหลักที่เชี่ยวชาญด้าน AI ร่วมจัดทำรายวิชา AI นี้ขึ้น อาทิ รายวิชา TU280 “จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์สำหรับผู้นำอนาคต” (Artificial Intelligence Ethics for Leader of the Future) นำร่องภายใต้รายวิชาศึกษาทั่วไป หรือ เจนเอด (General Education) เพื่อบ่มเพาะนักศึกษาทุกคณะให้มีจริยธรรมตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ซึ่งไม่เพียงรู้จักการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังตระหนักถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค และความโปร่งใสด้วย”

ด้าน ผศ. ดร.รัชฎา คงคะจันทร์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล (Data Science and Innovation) วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่า อคติใน AI เป็นข้อกังวลที่สำคัญของการใช้งานกับงานหลากหลายประเภท เนื่องจาก AI เรียนรู้โดยการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล และหากข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝนมีอคติหรือไม่ได้เป็นตัวแทนที่หลากหลาย อัลกอริทึมก็จะสะท้อนและขยายอคตินั้นออกไป ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือการเลือกปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ AI มีอคติเนื่องจากข้อมูลที่ใช้ฝึกฝน ไม่ได้หมายความว่า AI สร้างอคติขึ้นมาเอง แต่เป็นผลลัพธ์ของการที่อคติทางสังคมที่มีอยู่เดิมในอดีตและปัจจุบันถูกฝังอยู่ในชุดข้อมูลที่ AI เรียนรู้ ยกตัวอย่างเช่น หากข้อมูลการจ้างงานในอดีตแสดงการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง AI ก็จะเรียนรู้และทำซ้ำรูปแบบนั้น การแก้ไขอคติใน AI จึงต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการ ได้แก่ การทบทวนและปรับปรุง คุณภาพของข้อมูล รวมถึงการสร้างชุดข้อมูลที่หลากหลายและเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชากร

นอกจากนี้  AI ยังส่งผลกระทบเชิงจริยธรรมในภาควิชาชีพ นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายเชิงจริยธรรมที่แตกต่างกันตามบริบทการใช้งาน อาทิ ในด้านการแพทย์ เทคโนโลยี AI มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระงานเอกสาร ช่วยในการอ่านผลการตรวจ คัดกรองผู้ป่วย และวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะช่วยเสริมศักยภาพระบบบริการสุขภาพอย่างมหาศาล แต่ก็ยังมาพร้อมกับประเด็นจริยธรรมที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงอคติของอัลกอริทึมที่อาจนำไปสู่การให้คำแนะนำการรักษาที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งหากไม่มีการควบคุมหรือกลไกตรวจที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ป่วย   

นอกจากด้านการแพทย์แล้ว เทคโนโลยี AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในวิชาชีพด้านจิตวิทยาและสุขภาพจิต โดยเฉพาะในรูปแบบแชทบอท (Chatbot) ที่สามารถให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องสถานที่ เวลา และค่าใช้จ่าย ทั้งยังช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่รู้สึกไม่สะดวกใจในการพูดคุยแบบตัวต่อตัว อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในบริบทนี้ก็ไม่อาจมองข้ามได้ ตั้งแต่ประเด็นเรื่องการรักษาความลับของผู้ใช้งาน ไปจนถึงความแม่นยำของการวินิจฉัยที่อาจคลาดเคลื่อน ในอีกด้านหนึ่งของความท้าทายคือ วิชาชีพด้านกฎหมาย ซึ่ง AI กลับกลายเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่สุด หนึ่งในข้อกังวลหลักคือ อคติจากข้อมูลในอดีตที่อาจส่งผลต่อการทำนายหรือวิเคราะห์ เช่น ระบบทำนายการกระทำผิดซ้ำที่ตอกย้ำความไม่เป็นธรรมทางเชื้อชาติ อีกทั้งยังมีกรณีที่ทนายความใช้ ChatGPT ทำวิจัยและอ้างอิงคดีที่ไม่เคยมีอยู่จริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการดำเนินกระบวนการยุติธรรมและมีความเสียหายต่อระบบกฎหมายอย่างร้ายแรง

“การประยุกต์ใช้ AI ในแต่ละวิชาชีพ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี หากแต่เป็นเรื่องของ “ความไว้วางใจ” และ “คุณธรรม” ที่ต้องเดินควบคู่กัน การพัฒนา AI ให้เก่งขึ้นต้องมาพร้อมกับการกำหนดแนวทางจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ชัดเจน เพื่อให้เทคโนโลยีอัจฉริยะกลายเป็นพลังบวกของสังคม ไม่ใช่ดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์เองในที่สุด แนวคิดสำคัญคือ การมอง AI ที่ไม่ใช่เป็นเพียงศาสตร์หนึ่ง แต่คือ “ทักษะเสริม” ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกสายอาชีพ ควบคู่ไปกับเปลี่ยนจากการสอน “AI คืออะไร” มาเป็น “เราจะอยู่ร่วมกับ AI อย่างไร” โดยเฉพาะการใช้ AI ให้สอดคล้องกับทักษะสายอาชีพที่หลากหลาย นักเรียนและนักศึกษาจึงควรมีทั้งทักษะดิจิทัลและความเข้าใจด้านจริยธรรมควบคู่กันไป เช่น นักศึกษาแพทย์ที่ใช้ AI ช่วยวินิจฉัยโรค ก็ต้องเข้าใจว่าเบื้องหลังโมเดลเหล่านั้นมีข้อจำกัดและความเสี่ยงจากอคติของข้อมูลที่ต้องระมัดระวัง”

ผศ. ดร.รัชฎา กล่าวทิ้งท้ายว่า ในอีกด้านหนึ่ง ภาครัฐและเอกชนก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบนิเวศการเรียนรู้ด้าน AI อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงจะถูกแทนที่โดยระบบอัตโนมัติ รัฐควรลงทุนกับการจัดอบรมหรือบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับ AI ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาเพื่อปูพื้นฐานการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเองก็ต้องไม่มองแค่การใช้เครื่องมือ แต่ต้องปลูกฝังวัฒนธรรมการตัดสินใจเชิงจริยธรรมภายในองค์กรด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาบุคลากร การให้บริการลูกค้า หรือการประเมินผลต่าง ๆ ทั้งนี้ หลักสูตร AI Ethics ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ “Thammasat Next Century” ที่มุ่งยกระดับธรรมศาสตร์ให้เป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบเพื่อสังคมแห่งอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าการพัฒนาประเทศในยุคดิจิทัลต้องไม่ทิ้งหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมวางเป้าหมายให้ผู้เรียนสามารถเติบโตเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ “เก่งและดี” อย่างสมดุล มีทักษะคิดวิเคราะห์ ใช้ AI เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างเท่าทัน และไม่หลงลืมหลักคุณธรรมในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม รายวิชาใหม่ “TU280 จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์สำหรับผู้นำอนาคต (Artificial Intelligence Ethics for Leader of the Future)” ภายใต้หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หรือ เจนเอด (General Education) เริ่มเปิดสอนตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2568 เป็นต้นไป โดยนักศึกษาทุกคณะ ทุกหลักสูตร (ปรับปรุง พ.ศ. 2561 และ 2566) จะได้เรียนรายวิชานี้อย่างทั่วถึง ซึ่งรายวิชานี้จัดการเรียนการสอนโดยทีมคณาจารย์จากหลากหลายศาสตร์ พร้อมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อเสริมสร้างมุมมองที่ลึกซึ้งและรอบด้านแก่ผู้เรียน โดยเนื้อหาเน้นการวิเคราะห์กรณีศึกษาและการถกเถียงเชิงจริยธรรมในสถานการณ์จริงที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมรับมือกับอนาคตอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งในฐานะผู้ใช้งาน ผู้ตัดสินใจ และผู้ออกแบบเทคโนโลยีใหม่ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์

“มธ.ไม่ได้มุ่งเพียงสร้าง “คนเก่ง” แต่ต้องสร้าง “คนเก่งอย่างมีความรับผิดชอบ” เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตท่ามกลางยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง เข้าใจทั้งพลังและขีดจำกัดของเทคโนโลยี และเป็นผู้ใช้ AI ที่มีสติและจริยธรรมเป็นเข็มทิศนำทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน”

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

LINE MAN Wongnai จับมือ Café Amazon เปิดตัว Digital Store แห่งแรกของไทย ชูเทคโนโลยี สั่ง–จ่าย–รับ ไม่ต้องต่อคิว

LINE MAN Wongnai จับมือ Café Amazon เปิดตัว Digital Store แห่งแรกในไทย ชูเทคโนโลยี Wongnai POS ให้ลูกค้า สั่ง-จ่าย-รับ กาแฟได้โดยไม่ต้องต่อคิว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เริ่มแล้วที่...

Responsive image

XPENG ประเทศไทยจัดอบรม Red Carpet Training เสริมทักษะทีมงาน ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

XPENG ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ขานรับมาตรฐานใหม่ด้านงานบริการ สำหรับรถย...

Responsive image

Spacely AI ระดมทุน Seed ที่ 1 ล้านดอลลาร์ หวังเร่งเครื่อง Generative AI ปฏิวัติวงการสถาปัตย์

Spacely AI สตาร์ทอัพสัญชาติไทยผู้พัฒนาเทคโนโลยี Generative AI สำหรับงานสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายใน ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Seed มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปต่อยอดกา...