ผลสำรวจเผย เยาวชนไทยมอง AI และ Internet of Things จะกระทบกับชีวิตในอนาคตมากที่สุด | Techsauce

ผลสำรวจเผย เยาวชนไทยมอง AI และ Internet of Things จะกระทบกับชีวิตในอนาคตมากที่สุด

Microsoft เผยผลสำรวจ ในหัวข้อ 'อนาคตด้านดิจิทัลในเอเชีย' (Microsoft Asia Digital Future Survey) ที่คนรุ่นใหม่มีความเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต

นวัตกรรมใหม่ๆอย่างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence :AI) อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) ตามด้วยนวัตกรรมที่ผสมผสานโลกเสมือนเข้ากับโลกความจริงอย่าง Virtual Reality (VR), Mixed Reality (MR) และ Augmented Reality (AR) ได้ถูกพัฒนาและเข้ามาขับเคลื่อนโลกสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง

โดย Microsoft ได้ทำการสำรวจ ในกลุ่มคนอายุ 18-24 ปี จำนวน 1,400 คนทั่วเอเชียแปซิฟิก อาทิ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวันและเวียดนาม โดยมีตัวแทน 100 คนจากประเทศไทย

ผลสำรวจเผยถึงความเชื่อของคนรุ่นใหม่ที่ว่านวัตกรรมใหม่ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) ตามด้วยนวัตกรรมที่ผสมผสานโลกเสมือนเข้ากับโลกความจริงอย่าง Virtual Reality (VR), Mixed Reality (MR) และ Augmented Reality (AR) จะส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคตมากที่สุด ในโลกที่กำลังหมุนเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง

ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้เยาวชนไทยเล็งเห็นถึงประเด็นปัญหาจำนวนหนึ่งที่อาจเป็นผลมาจากบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ได้แก่โอกาสด้านอาชีพการงานที่ลดลง ความห่างเหินกันระหว่างผู้คน และความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวที่ลดน้อยลงในโลกยุคดิจิทัล

อนาคตที่มี AI ทุกหนแห่ง

ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยจัดให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) เป็นเทคโนโลยีอันดับต้นๆที่จะเข้ามามีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้คน เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้เกิดอุปกรณ์ล้ำสมัยใหม่ๆ รวมทั้งคลาวด์และโลกข้อมูลที่ประสานพลังกันทำให้วิสัยทัศน์ที่มองอนาคตว่า AI และ IoT จะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบดิจิทัลของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก มีความชัดเจนมากขึ้น

AI ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างจักรกลอัจฉริยะ หรืองานบริการที่ตอบโต้เหมือนมนุษย์ – ฟีเจอร์ที่เริ่มพบได้ในแทบทุกอย่างตั้งแต่การแปลภาษา ไปจนถึงผู้ช่วยเสมือนหรือวิดีโอเกมส์ การนำเอาศักยภาพของ AI เข้ามาทำงานซ้ำๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก การจดจำคำพูด การแก้ปัญหาจะช่วยให้ผู้คนบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นในขณะที่ทำงานน้อยลง หรือการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่งานนั่นเอง

IoT หมายถึง เครือข่ายของวัตถุที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต ที่สามารถสื่อสารระหว่างกัน ระหว่างอุปกรณ์ และข้ามระบบได้ ซึ่งกำลังเติบโตขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เซนเซอร์บนท้องถนน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์สวมใส่ และยานพาหนะ

การสำรวจได้ถามเจาะลึกไปอีกถึงการจัดอันดับ 3 สถานการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีAI ซึ่งคนกลุ่มนี้คาดว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาในอนาคต (เรียงจากมากที่สุดลงไป)

  1. รถยนต์ที่ติอต่อกันได้และไม่ต้องมีคนขับ (46%)
  2. ซอฟท์แวร์บอทที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (25%)
  3. หุ่นยนต์ (20%)

ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่นี้ยังคาดว่า IoT จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตใน 3 เรื่อง

  1. สมาร์ทโฮม บ้านแสนฉลาดที่อุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถ “พูดคุย” กันเองได้ (42%)
  2. ระบบจัดการจราจรที่สามารถช่วยย้ายถ่ายเทรถยนต์ไปยังท้องถนนที่โล่งกว่าได้อย่างเรียลไทม์ (24%)
  3. อาคารชาญฉลาดที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานในอาคารได้ตามสภาวะอากาศและจำนวนผู้อยู่อาศัย (24%)

VR/MR/AR

เทคโนโลยีความจริงเสริมคือการนำเอาโลกเสมือนไปวางอยู่ในโลกแห่งความจริง ขณะที่ความจริงเสมือนคือการสร้างความรู้สึกแบบโลกแห่งความจริงมาไว้ข้างในโลกเสมือน ส่วนความจริงผสมรวบรวมเอาทั้งสองส่วนประกอบเข้าด้วยกัน โดยขณะที่ผู้ใช้กำลังท่องไปในโลกความจริงก็จะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุเสมือนได้ เห็นและสัมผัสมันได้ โดยจำลองความรู้สึกในมิติต่างๆ อาทิเช่นการสัมผัสได้ถึงความลึกของวัตถุเสมือน เป็นต้น

การสำรวจยังค้นพบอีกว่า กลุ่มคนเจเนอเรชั่นนี้มองหาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาเพื่อ (เรียงจากมากไปน้อย)

  1. อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อพวกเขาเข้ากับเพื่อนร่วมงาน
  2. ช่วยยกระดับสุขภาพทางร่างกายและจิตใจ
  3. ช่วยเสริมความสามารถ เพิ่มโอกาสการจ้างงานมากขึ้น

การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลง

ถึงแม้ว่ากว่า 70% ของเยาวชนไทยที่เข้าร่วมทำการสำรวจนี้จะรู้สึกว่าประเทศไทยมีความพร้อมต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะพลิกรูปแบบการดำเนินชีวิต แต่พวกเขาก็ยังมีข้อกังวลใหญ่ๆ อยู่จำนวนหนึ่ง ได้แก่

  1. ความเป็นไปได้ที่อาจตกงาน (30%)
  2. ความสัมพันธ์ระหว่างคนกลายเป็นเรื่องผิวเผิน ห่างเหิน (29%)
  3. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (17%)

เมื่อถามถึงชีวิตในวันข้างหน้า เยาวชนไทยเชื่อว่าการจะประสบความสำเร็จในอนาคตได้นั้น จะต้องอาศัยสถาบันการศึกษาที่สามารถสร้างความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะที่ทันยุคสมัย เพื่อนำเอานวัตกรรมในอนาคตมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (57%) ตามด้วยการทำให้เทคโนโลยีในอนาคตมีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ (17%) และการสร้างสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อสตาร์ทอัพ (13%)

นอกจากนั้นแล้วกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (49%) จะมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่าการที่รัฐบาลเดินหน้าอยู่เพียงฝ่ายเดียว (20%) หรือภาคเอกชนทำเพียงลำพัง (16%)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SCB 10X เปิดเวที “Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand” เดินหน้าวิจัย AI ไทย พร้อมเปิดตัว ‘ไต้ฝุ่น 2.0’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

SCB 10X เปิดตัว "ไต้ฝุ่น 2" โมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่สุดล้ำในงาน Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand พร้อมยกระดับวิจัย AI ไทยสู่เวทีโลก...

Responsive image

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 ภายใต้หัวข้อ “Chula-KBTG: AI for the Future”

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 มุ่งขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี AI สู่ยุคดิจิทัล...

Responsive image

ส.อ.ท. เตรียมจัด FTI EXPO 2025 รวมสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรชั้นนำ จัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด “4GO” ที่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แ...