เจาะลึกตลาดหุ้น "เกิดอะไรขึ้นที่ อาร์เจนตินา หรือ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย" | Techsauce

เจาะลึกตลาดหุ้น "เกิดอะไรขึ้นที่ อาร์เจนตินา หรือ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย"

อาร์เจนตินา  ประเทศที่หลาย ๆ คนรู้จักกันว่ามีทีมฟุตบอลที่มีฝีเท้าไม่เป็นรองใคร ผ่านละคร Broadway หรือเพลง Don’t cry for me Argentina และเร็วๆนี้ประเทศ อาร์เจนตินาก็มีประเด็นที่ทำให้ทั่วโลกจับตา เพราะเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอาร์เจนตินา (S&P MERVAL INDEX) ปรับตัวลดลงแรงถึง -38% , ค่าเงินเปโซอาร์เจนตินาอ่อนค่าลง -26%, อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 วัน LELIQ  ปรับขึ้น 11% อยู่ที่ 74.78% และ CDS ซึ่งแสดงค่าความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระภายใน 5 ปี อยู่ที่ 75%

โดยสาเหตุมาจากการที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน นายเมาริซิโอ มากริ แพ้การเลือกตั้งไพรมารี (Primary Election) ให้กับคู่แข่ง นายอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าแนวโน้มที่ นายเมาริซิโอ มากริ จะแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 27 ต.ค.นี้ และทำให้นโยบายที่ตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลของอาร์เจนตินาที่มีเป็นจำนวนมาก

SCB -อาร์เจนตินาเกิดอะไรขึ้นที่ อาร์เจนตินา? หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

คุณศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน (CIO Office) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งไพรมารีครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพ่ายแพ้ของพรรคการเมืองเท่านั้น แต่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนในประเทศ ที่ยังนิยมแนวคิดเปรองที่ถูกก่อตั้งโดยนายพลฮวน เปรอง และภรรยาอิวา เปรอง เป็นแนวคิดที่ไม่ใช่ทั้งเสรีนิยม  หรือคอมมิวนิสแบบสุดขั้ว แต่เป็นแนวคิดประชานิยมให้ความสำคัญกับกลุ่มคนใช้แรงงานทุกระดับชั้น ให้สวัสดิการกับประชาชนมีความเป็นชาตินิยมสูงและต่อต้านการเข้ามาของต่างชาติให้มายุ่งกับทรัพย์สินของประเทศ ทำให้ประธานาธิบดีปัจจุบันที่ได้เริ่มใช้นโยบายรัดเข็มขัดเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจประเทศตามเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้นโยบายประชาชนนิยมถูกปรับเปลี่ยนไป เมื่อปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข ความเหลื่อมล้ำของคนรวยและคนจนมีมากขึ้น อีกทั้งสวัสดิการที่เคยได้รับถูกตัดทอน ท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้การลงคะแนนเลือกตั้งเป็นตัวบ่งบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการอะไร ผลลัพธ์คือ การที่ประชาชนอาร์เจนตินากลับมานึกถึงแนวคิดเปรอง ทำให้พรรคและแนวคิดเปรองได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งไพรมารีครั้งนี้

แม้การเมืองจะเป็นส่วนสำคัญของความเชื่อมั่นและกำหนดทิศทางของประเทศในอนาคต แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น ไม่เคยมีพรรคใดชนะหรือแพ้ตลอดกาล การที่ประธานาธิบดีมีสิทธิแพ้เลือกตั้งในปี 2019 นั้นเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นสำหรับทุกประเทศอยู่แล้ว

การที่ประเทศอาร์เจนตินาเคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ ตั้งแต่ปี 1827 ช่วงก่อตั้งประเทศจนถึงปี 2014 เป็นจำนวนถึง 8 ครั้ง และตัวเลขเศรษฐกิจประเทศอาร์เจนตินาที่ GDP ขยายตัวและหดตัวสลับกันไม่ต่อเนื่องและการเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยตั้งแต่ปี 2018 ที่อัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับสูงกว่า 20% และแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดุลการค้าติดลบ รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ และหนี้สินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ทั้งมีเงินสำรองต่างประเทศไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่อาร์เจนตินาจะผิดนัดชำระหนี้อีกครั้ง

คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ แต่ทำไมการที่พรรคการเมืองฝั่งเปรองชนะการเลือกตั้งจึงส่งผลกระทบต่อตลาดขนาดนี้นั้น เรามองว่านักลงทุนในตลาดจะคิดว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม โดยคิดว่าพรรคการเมืองปัจจุบันที่เพิ่งชนะได้เพียงสมัยเดียวจะแก้ปัญหาของประเทศได้ หรืออาจมองโลกในแง่ดีมากเกินไป

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาของพันธบัตรอาร์เจนตินาที่จ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยในสกุลเงินสหรัฐฯ รุ่นครบกำหนดปี 2028 ปรับลดลง จนทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 7.65% เป็น 12.77% ทั้งนี้ การที่ทั่วโลกอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยต่ำมานาน จึงทำให้ต้องนักลงทุนต้องหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง (Search for Yield) โดยอาจทำให้ต้องรับความเสี่ยงมากกว่าที่นักลงทุนยอมรับได้ ทำให้เราอาจเห็นสินทรัพย์เสี่ยงราคาปรับตัวลดลงในอนาคตเพิ่มมากขึ้น จากการที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทน

โดย Chief Investment Office มองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอาร์เจนตินา ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สะสมมาเป็นเวลานาน มีทางเลือกอยู่ไม่มากนัก ได้แก่ การแปรสภาพรัฐวิสาหกิจและขายให้กับนักลงทุนหรือกองทุนต่าง ๆ , การขอกู้เงิน IMF เพิ่มเติม, การปรับโครงสร้างหนี้ หรือหวังให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นเหมือนช่วงปี 2004 และ 2008 ที่ราคาปรับเพิ่มสูงเกือบเท่าตัว ทำให้ประเทศสามารถผ่านพ้นวิกฤติในช่วงปี 2002 ไปได้

สำหรับช่วงเศรษฐกิจ Late Cycle ที่มีโอกาสเกิด Recession เพิ่มสูงขึ้น เรามองว่า ในอนาคตประเทศที่มีเสถียรภาพทางพื้นฐานเศรษฐกิจอ่อนแอจะเกิดปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้นนั้น ดังนั้นในช่วงนี้ นักลงทุนจึงไม่ควรลงทุนในตราสาร High Yield หรือ Emerging Markets ที่อ่อนแอไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือตราสารทุน อย่างไรก็ตาม ผมขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างระมัดระวังและปลอดภัยในการลงทุนครับ

เขียนโดย: SCB Chief Investment Office

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...