สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ในเวลานี้ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและสังคมในวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด จากจํานวนผู้ป่วยใหม่ที่ต้องเข้ารักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จํากัด (บีไอจี) ในฐานะผู้นํานวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทย จึงได้เดินหน้าผลิตออกซิเจนเหลวทางการแพทย์เพิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จํากัด (บีไอจี)ในฐานะผู้นํานวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทยมีความพร้อมในการรับมือด้านความต้องการออกซิเจนเหลวทางการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยวิกฤตที่เพิ่มมากขึ้น พร้อม Restart Thailandโดยดึงเอาศักยภาพของบีไอจีเข้ามาช่วยเหลือในวิกฤตนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มกําาลังการผลิตออกซิเจนเหลวทางการแพทย์เพื่อช่วยผู้ป่วย COVID-19 บีไอจีได้ดําาเนินการ Restart โรงแยกอากาศ (Air Separation Unit: ASU) โรงงาน 1 ซึ่งเป็นโรงแยกอากาศแห่งแรกในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและไม่ได้ดําาเนินการผลิตในช่วงเวลาปกติ แต่ยังมีศักยภาพในการผลิตออกซิเจนได้อย่างครบถ้วน
คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ มองว่าการ Restart โรงแยกอากาศแห่งนี้สามารถเพิ่มกําาลังการผลิตและรองรับความต้องการออกซิเจนได้อีก 30% จากความต้องการในปัจจุบัน
“วิกฤต COVID-19 ระลอกใหม่ในไทยน่าเป็นห่วงอย่างมาก จะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ป่วยหนักมีจําานวนมากเมื่อเทียบกับการระบาดรอบที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย บีไอจีจึงเริ่มเดินเครื่องโรงแยกอากาศแห่งนี้เพื่อผลิตออกซิเจนให้รองรับกับความต้องการที่สูงขึ้น”
“เราไม่สามารถปล่อยให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพการขาดแคลนออกซิเจนเหมือนหลายๆ ประเทศ ไม่มีอะไรที่สายเกินไป หากเราทุกคนเริ่มต้นกันใหม่ ร่วมมือร่วมใจเพื่อประเทศของเรา วันนี้บีไอจีจึงได้ Retart Oxygen เพื่อร่วม Restart ประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน บีไอจีขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกฝ่ายริเริ่ม ช่วยเหลือสนับสนุน บุคลากรทางการแพทย์และประเทศไทยเพื่อคนไทยทุกคน” คุณปิยบุตรกล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด