นักลงทุนกังวลความเป็นส่วนตัวทางการเงินมากขึ้น หลังจีนกวาดล้าง Cryptocurrency | Techsauce

นักลงทุนกังวลความเป็นส่วนตัวทางการเงินมากขึ้น หลังจีนกวาดล้าง Cryptocurrency

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้สั่งให้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง รวมถึง Alipay ซึ่งเป็นแอปชำระเงินผ่านมือถือชั้นนำของจีน หยุดการทำธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกจากนั้นยังสั่งให้บรรดาธนาคารและบริษัทรับชำระเงินตรวจสอบบัญชีของลูกค้าอย่างละเอียดเพื่อระบุตัวผู้ที่ทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล และตัดช่องทางการชำระเงินของคนกลุ่มนี้ทันที

การกวาดล้างคริปโตครั้งใหญ่ รวมถึงการเปิดตัวสกุลเงิน "หยวนดิจิทัล" ที่ทำให้ธนาคารกลางจีนสามารถเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมของบุคคลและองค์กรได้เกือบเรียลไทม์ ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุน ผู้ประกอบการ และผู้ประกอบธุรกิจจำนวนมากวิตกกังวลมาโดยตลอด ทั้งนี้ World Wealth Report ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่ผู้มีฐานะมั่งคั่งย้ายออกนอกประเทศมากที่สุด โดยในปี 2562 ปีเดียวมีเศรษฐีจีนย้ายออกนอกประเทศราว 16,000 คน ขณะที่ CS Global Partners บริษัทด้านการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Micha Emmett ซีอีโอของ CS Global Partners กล่าวว่า ชาวจีนผู้มั่งคั่งตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นส่วนตัวทางการเงินและสินทรัพย์ของตนเอง "การลงทุนเพื่อขอสัญชาติที่สองยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะมอบความปลอดภัยและทางหนีทีไล่ที่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการรักษาความมั่งคั่งและความเป็นส่วนตัวทางการเงิน สำหรับประเทศจีนซึ่งทำสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกามานานจนคุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลก็พยายามเข้าถึงข้อมูลทางการเงินมากขึ้น การขอสัญชาติที่สองจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น"

คุณ Emmett กล่าวเสริมว่า ชาวจีนผู้มั่งคั่งนิยมกระจายความมั่งคั่งและรักษาความเป็นส่วนตัวทางการเงินผ่านโปรแกรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติ Citizenship by Investment (CBI) Programme เช่น โปรแกรม CBI ของสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็น "มาตรฐานระดับแพลทินัม" และได้รับการยกย่องจาก CBI Index ว่ามอบสัญชาติเร็วที่สุดในโลก โดยผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบอันเข้มงวดจะได้รับสัญชาติและพาสปอร์ตภายในสามเดือน

ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปี 2564 ครอบครัวที่มีสมาชิกไม่เกิน 4 คนสามารถขอสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสผ่านการลงทุนเพียง 150,000 ดอลลาร์ในกองทุนของรัฐบาล จากเดิมที่ต้องลงทุนถึง 195,000 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนจะได้รับสัญชาติ พร้อมสิทธิในการอยู่อาศัย ทำงาน และเรียน นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางไปยังเกือบ 160 ประเทศและดินแดนทั่วโลก

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ETDA เปิดตัวโปรเจค 'EDC Trainer Season 4' ปั้นเทรนเนอร์ดิจิทัล พร้อมลุ้นเวที EDC Pitching สมัครด่วนก่อน 12 มี.ค.

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ร่วมมือกับ Dek-D เปิดโครงการ “ETDA Digital Citizen Trainer” หรือ EDC Trainer Season 4 ภายใต้แนวคิด “ส่งต่อความรู้ สู่สังคมดิ...

Responsive image

ARAYA The Eastern Gateway: Industrial Tech ครบวงจรครั้งแรกในไทย โดยยักษ์ใหญ่ Frasers-Rojana-AIE ผนึกกำลัง!

"ARAYA The Eastern Gateway" เมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรแห่งแรกของไทย ผนึกกำลังโดย Frasers, Rojana และ AIE เชื่อมต่อ EEC โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมอนาคต...

Responsive image

“พร้อมเพย์” 8 ปีแห่งการพลิกโฉมระบบการเงินไทย ระบบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนไทย

พร้อมเพย์ครบรอบ 8 ปี กับการเปลี่ยนโฉมระบบการเงินไทย สู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ จากโอนเงินง่ายๆ ด้วยเบอร์โทรศัพท์ สู่การเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามประเทศ พร้อมก้าวสู่อนาคตการเงิน...