depa ประกาศเข้าลงทุนครั้งใหญ่ ขับเคลื่อน VISAI ดิจิทัลสตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครบวงจรสำหรับภาคธุรกิจทะยานสู่ระดับ Pre-Series A เร่งเสริมความเข้มแข็งทางธุรกิจ และมุ่งให้บริการเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกิดจากการพัฒนาโดยฝีมือคนไทยที่ทุกคนเข้าถึงได้ อีกทั้งเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับสากล
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยยังขาดแคลนเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่เกิดจากการพัฒนาโดยฝีมือคนไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ขณะเดียวกันปริมาณความต้องการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไทยมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องไปกับแนวทางการดำเนินงานของ บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด หรือ VISAI ดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครบวงจรสำหรับภาคธุรกิจ โดยความร่วมมือระหว่าง depa และ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)
ทั้งนี้ depa เล็งเห็นประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงศักยภาพการเติบโตของ VISAI มาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจและเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายน 2565 และเพื่อเป็นการยกระดับไปอีกขั้น depa จึงได้เข้าลงทุนใน VISAI เพื่อผลักดันสู่การเป็นดิจิทัลสตาร์ทอัพระดับ Pre-Series A ซึ่งการเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของ depa ภายหลังร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชนเข้าลงทุนใน บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด (Globish) เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน
"ที่ผ่านมา depa ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาชุดข้อมูล รวมถึงกำลังคนดิจิทัลของประเทศ รองรับปริมาณความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการนวัตกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังส่งเสริมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง โดยมุ่งเน้นที่ภาคธุรกิจ ซึ่งการเข้าลงทุนใน VISAI ครั้งนี้ depa คาดหวังให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คุณภาพขั้นสูงที่พร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ได้มากขึ้น ลดปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูง อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับสากล" ผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าว
ด้าน รศ.ดร.สรณะ นุชอนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด กล่าวว่า VISAI เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2562 ในฐานะสถาบันวิจัยเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยความร่วมมือระหว่าง VISTEC และ depa มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูง ก่อนนำไปใช้พัฒนาธุรกิจ โดยให้บริการดิจิทัลโซลูชันด้านการเชื่อมโยงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI-enabled) ในรูปแบบของแพลตฟอร์มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวัน ตามแนวคิด "AI for Everyone"
อีกทั้งมีบริการ AI Solutions ในการให้คำปรึกษา ออกแบบการนำปัญญาประดิษฐ์ที่เหมาะสมไปใช้ในธุรกิจ และ AI Training จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ ผ่านการทำ Use Case เพื่อให้บุคลากรในบริษัทสามารถนำความรู้ไปใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้จริง ซึ่งนอกเหนือจาก depa แล้ว VISAI ยังได้รับการสนับสนุนจาก SCB 10X บริษัทเงินร่วมลงทุนระดับโลกที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคและดิจิทัลสตาร์ทอัพศักยภาพสูง โดยงบประมาณการลงทุนจากทั้ง 2 หน่วยงานคิดเป็นมูลค่ารวม 40 ล้านบาท
"จากการทำงานร่วมกับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้ทราบว่า แม้ VISAI จะสามารถผลิต AI Model คุณภาพสูงได้ แต่ถ้าภาคธุรกิจยังขาดแคลนบุคลากรอย่าง Data Scientist ในการนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้งาน หรือพัฒนาในระดับแอปพลิเคชันได้ เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะยังไม่สามารถเข้าถึงคนไทยจำนวนมาก ดังนั้น VISAI จึงพยายามทำให้ค่าใช้จ่ายในการนำ AI Model มาใช้ต่ำลงผ่านการใช้งาน AI Cloud Platform บริการเทคโนโลยีโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานผ่านระบบคลาวด์ได้ทันที ซึ่งนักพัฒนาหรือวิศวกรในภาคธุรกิจจะสามารถใช้งานได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเอง" รศ.ดร.สรณะ กล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด