Dubai International Financial Centre (DIFC) บรรลุเป้าแผนยุทธศาสตร์ก่อนกำหนด มีบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 27% ภายในครึ่งแรกปี 64 | Techsauce

Dubai International Financial Centre (DIFC) บรรลุเป้าแผนยุทธศาสตร์ก่อนกำหนด มีบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 27% ภายในครึ่งแรกปี 64

Dubai International Financial Centre (DIFC) ศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำระดับนานาชาติในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ (MEASA) มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี 2564 พร้อมบรรลุเป้าหมายการเติบโตตามยุทธศาสตร์ปี 2567 (2024 Strategy) ก่อนกำหนดถึง 3 ปี

ความสำเร็จดังกล่าวเน้นย้ำสถานะของ DIFC ในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินและนวัตกรรมที่เป็นที่สนใจระดับโลก ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินการอยู่ 3,292 บริษัท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ครึ่งแรกของปี 2563: 2,584 บริษัท) ในครึ่งแรกของปีนี้มีบริษัทใหม่จดทะเบียนรวม 492 แห่ง เพิ่มขึ้น 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ครึ่งแรกของปี 2563: 310 บริษัท)

การเติบโตนี้เป็นการขยายตัวสามเท่าตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่มีการริเริ่มยุทธศาสตร์ปี 2567 และสะท้อนความพยายามอย่างยิ่งยวดของ DIFC ในการสานต่อสถานะการเป็นผู้นำในตลาดภูมิภาค MEASA ด้วยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการดำเนินการ กรอบกฎหมายและการกำกับดูแล นวัตกรรม และความกว้างขวางของอีโคซิสเต็มอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ DIFC เป็นที่ตั้งของบริษัทด้านการเงินและนวัตกรรมรวม 1,025 บริษัท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน (ครึ่งแรกของปี 2563: 820 บริษัท)

His Excellency Essa Kazim ผู้ว่าการของ DIFC กล่าวว่า "DIFC สร้างชื่อเสียงระดับโลกในฐานะศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในภูมิภาค MEASA ได้สำเร็จ การบรรลุเป้าหมายการขยายตัวสามเท่าตามยุทธศาสตร์ปี 2567 ก่อนกำหนดแสดงถึงความน่าดึงดูดของเรา หลังจากนี้ DIFC จะสานต่อความสำเร็จจวบจนถึงปัจจุบันต่อไปเพื่อดำเนินบทบาทในการเร่งการเติบโต ไม่ใช่เพียงการเติบโตของเราเท่านั้น แต่รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจของดูไบด้วย"

DIFC มีความก้าวหน้าที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี โดยบรรลุจุดมุ่งหมายในการขับเคลื่อนอนาคตของภาคการเงินและส่งเสริมนวัตกรรม ขณะนี้ศูนย์นวัตกรรม (Innovation Hub) ที่เพิ่งเปิดใหม่ดำเนินการเต็มกำลัง โดยมีสตาร์ทอัพและบริษัทฟินเทคใหม่กว่า 140 บริษัทเข้าร่วมในอีโคซิสเต็มด้านนวัตกรรมระดับแนวหน้าของตลาดดังกล่าวนี้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทในทุกขั้นของการพัฒนา ตั้งแต่สตาร์ทอัพขั้นแรกเริ่ม อย่างเช่น Rentd Technology Ltd, Crayfish Labs Technologies Ltd, PALFusion Technology Holdings และ StashAway Management (DIFC) Ltd ธุรกิจขั้นเติบโต อย่างเช่น Ebury และ Adyen สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นอย่าง SoFi (UAE) Ltd ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Huawei

นอกจากนี้ DIFC ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์โดยรวมในการเชื่อมโยงธุรกิจ ศิลปะ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SCB 10X เปิดเวที “Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand” เดินหน้าวิจัย AI ไทย พร้อมเปิดตัว ‘ไต้ฝุ่น 2.0’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

SCB 10X เปิดตัว "ไต้ฝุ่น 2" โมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่สุดล้ำในงาน Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand พร้อมยกระดับวิจัย AI ไทยสู่เวทีโลก...

Responsive image

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 ภายใต้หัวข้อ “Chula-KBTG: AI for the Future”

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 มุ่งขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี AI สู่ยุคดิจิทัล...

Responsive image

ส.อ.ท. เตรียมจัด FTI EXPO 2025 รวมสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรชั้นนำ จัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด “4GO” ที่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แ...