รู้จัก ONLINE RETAIL เทรนด์การลงทุน ที่เป็นมากกว่าแค่หุ้นเทคโนโลยี | Techsauce

รู้จัก ONLINE RETAIL เทรนด์การลงทุน ที่เป็นมากกว่าแค่หุ้นเทคโนโลยี

อีกไม่นานก็จะเข้าใกล้เดือน 11 ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกคงจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ แต่ในเดือนดังกล่าวก็มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายในฝั่งเอเชียก็เฝ้ารอเช่นกันกับเทศกาล “คนโสด” ในวันที่ 11/11 ที่เป็นเทศกาลในการชอปปิ้งออนไลน์ยักษใหญ่จากหลากหลายแพลตฟอร์ม

โดยแม้จะมีจุดเริ่มต้นเทศกาลมาจากไอเดียของ Alibaba ที่ปีที่แล้วฟาดยอดขายไป 10,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท ภายในเวลา 1 นาทีกว่า แซงหน้าเทศกาล Black Friday และ Prime day ของ Amazon ไปเรียบร้อยแล้ว โดยแม้ตอนนี้จะเริ่มเห็นเทศกาลลดราคาที่ถี่ขึ้น เช่น วันที่ 9/9 หรือ 10/10 ตามแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ต้องยอมรับว่าขาช้อปต่างๆ ก็ยังจับตารอวันที่ 11/11 ในปีนี้ที่แม้จะมีโควิด-19 แต่ก็ไม่น่าจะหยุดความร้อนแรงของเทรนด์การขายของออนไลน์ไปได้

ระหว่างที่ธุรกิจร้านค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักเพราะไวรัสโควิด-19 กลับเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนรุ่นเก่า ที่ไม่เคยลองใช้เทคโนโลยีต้องหันมาเรียนรู้ ทั้งในการทำงานผ่านทางไกล หรือการซื้อของและสั่งอาหารออนไลน์ก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือเมื่อมนุษย์เราได้ใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น หรือตอบสนองความขี้เกียจเราแล้วนั้น ก็จะทำให้พฤติกรรมในการทำงานหรือใช้ชีวิตนั้นถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยผลสำรวจผู้ที่อายุระหว่าง 16-54 ปี กว่าครึ่งนึงตอบว่ามีโอกาสที่จะซื้อของออนไลน์บ่อยขึ้น

แม้การซื้อของ Online จะมีมานานสมัยที่เรารู้จัก Website แล้วแต่การเข้ามาของ Smartphone นั้นก็ทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยจากรายงานของ We are Social และ Hootsuite ทั่วโลกนั้นมีผู้เคยซื้อของ E-commerce อยู่ที่ 74% แต่ผู้ที่เคยซื้อของผ่านมือถือมีเพียง 52% เท่านั้น โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามูลค่าการเติบโตของธุรกิจนั้นสูงถึง 18% ต่อปีเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตไปได้อีกมาก

แต่ที่น่าสนใจคือ ประเทศที่มีผู้ซื้อของผ่านมือถือหรือ App อันดับต้นๆ คือ ประเทศอินโดนีเซีย 78% และประเทศไทย 71% แต่ประเทศอย่างจีนและสหรัฐฯ นั้นกลับไม่ค่อยนิยมนักโดยอยู่ที่ 58% และ 41% ทั้งนี้ส่วนนึงอาจเป็นเพราะยังนิยมซื้อของผ่าน Computer หรือช่องทางอื่นมากกว่า

โดยผู้นำในด้านนี้ก็คงไม่พ้นประเทศมหาอำนาจที่ยังไม่สามารถสงบศึกกันได้อย่าง สหรัฐฯ และจีน โดยในฝั่งสหรัฐฯ นั้นก็มีทั้ง Amazon ,Ebay หรือ Shopify ที่เป็นร้านค้า Online ขนาดใหญ่ให้กับทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และ SMEs พร้อมกับระบบชำระเงินชำระเงิน Online ยอดนิยมในฝั่งตะวันตกอย่าง Paypal ที่ Elon musk เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งก่อนหันไปก่อตั้งบริษัท Tesla

ในทางฝั่งประเทศจีนก็มีทั้ง Alibaba ที่เป็นเจ้าของ Platform ทั้งร้านค้าอย่าง Taobao , T-mall , AliExpress และ Lazada รวมไปถึงระบบการชำระเงินอย่าง Alipay แถมยังเป็นเจ้าของสื่ออย่าง South China Morning Post อีกด้วย ในส่วนบริษัทอื่นก็มีทั้ง JD.com และ Pinduoduo ก็มาแรงไม่แพ้กันแม้จะยังเน้นการทำตลาดในจีนอยู่

บริษัทที่กล่าวมาข้างต้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่หุ้นเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นกลุ่มบริษัทที่เปลี่ยน Lifestyles และรูปแบบการทำธุรกิจแบบเก่าที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน ที่เป็นรายจ่าย Fix Cost เป็นข้อจำกัดอีกต่อไป และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่แปลกที่หุ้นหรือ กองทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้จะมีผลตอบแทนที่โดดเด่นยิ่งกว่าดัชนีหุ้นทั่วไป หรือหุ้นเทคโนโลยีทั่วไปได้อย่างเห็นได้ชัด

โดยตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่ผ่านมาแม้ว่าดัชนี Nasdaq จะเป็นที่พูดถึงในเรื่องของผลตอบแทนที่สูงถึง 32% แต่เมื่อเทียบกับ ETF Online Retail อย่าง Amplify Online Retail ETF (+82%) , Pro Shares Online Retail (+81%) หรือ Global X E-Commerce (+53%) หรือแม้กระทั่งหุ้นรายตัวที่กล่าวถึงและอยู่ใน ETF ข้างต้นอย่าง Shopify(+173%), Amazon (+72%) , Paypal (+78%) , Alibaba (+41%) , และ JD.com (+120%) ทั้งนี้หากนำไปเปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นทั่วไปอย่าง S&P500 ที่+6% หรือ SET ที่ยังติดลบ -19% นั้นจะเห็นได้ว่าผลตอบแทนค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก

จะเห็นได้ว่าแม้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแม้จะมีข่าวที่ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน หรือที่เราเรียกว่า “Noise” ทังในเรื่องของโควิด-19 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ Brexit แต่การถอยออกมาบ้างแล้วดูแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวมากขึ้น และไม่จำกัดตัวเองแค่การลงทุนในดัชนีทั่วไปที่เห็นตามข่าวหนังสือพิมพ์ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีการสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในปัจจุบันที่เริ่มมีความนิยมในการลงทุนรูปแบบ Thematic หรือ Megatrends มากขึ้นเรื่อยๆ

โดยสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนประเภทนี้นั้น ในปัจจุบันประเทศไทยก็มีทาเงลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่แต่ละบริษัทจัดการคัดสรรมาอย่างดี หรือการเปิดพอร์ตการลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือ ETF โดยตรงผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงก็สามารถลงทุนผ่าน Structed products ที่บริการ Private Banking จากบริษัทชั้นนำก็ได้เช่นกัน 

ในวันที่ 11/11 ที่จะถึงนี้เรามาจับตากันดูครับว่า “วันคนโสด” ในปี 2020 นี้ Alibaba จะทำลายสถิติยอดขายและราคาหุ้นของบริษัทตัวเองได้อีกหรือไม่ครับ

บทความโดย คุณศรชัย สุเนต์ตา  - กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ttb spark REAL change: จุดประกายไอเดียสร้างสรรค์เพื่อชีวิตทางการเงินที่ยั่งยืน

เตรียมพบกับงาน “ttb spark REAL change” งานแสดงนวัตกรรมดิจิทัลครั้งใหญ่ของ ทีทีบี ที่ชวนมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ไอเดียที่สร้างสรรค์ ตอบโจทย์ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้...

Responsive image

Tech Provider ห้ามพลาด! ร่วมปั้น SMEs บุกตลาดใหม่กับ ETDA พร้อมทุนสนับสนุน 4.5 แสนบาท

ETDA เดินหน้าสานต่อ “SMEs GROWTH” ภายใต้ โครงการยกระดับนวัตกรรมด้านดิจิทัลเชิงพื้นที่ ประจำปี 2568 โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถปรับตัวและเติบโตอย่าง...

Responsive image

Future Food Leader Summit 2025 ปั้นไอเดีย 'อาหารฟื้นฟู' สู่ธุรกิจแห่งอนาคต

TASTEBUD LAB ร่วมกับ Bio Buddy พร้อมขับเคลื่อนอนาคตอาหารของ จัดงาน Future Food Leader Summit 2025: Regenerative Food for the Future เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและนวัตกรรมอาหารอย่า...