Grab เปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในไทย | Techsauce

Grab เปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในไทย

  • Grab เปิดตัว “Safety Centre” หรือศูนย์ความปลอดภัย ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดซึ่งรวบรวมบริการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการเดินทางไว้ในที่เดียว เพื่อสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับผู้โดยสาร รวมถึงเพื่อนและครอบครัว ระหว่างการเดินทางกับ Grab
  • พร้อมเปิดตัว “Passenger Selfie Verification Technology” หรือเทคโนโลยีในการตรวจสอบข้อมูล อัตลักษณ์ของผู้โดยสารผ่านการถ่ายภาพเซลฟีสำหรับผู้ใช้บริการรายใหม่ เพื่อการป้องกันอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นกับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่
  • การเปิดตัวนวัตกรรมครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจของแกร็บในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการป้องกันและลดอุบัติภัยและอาชญากรรมในทุกบริการของแกร็บให้กลายเป็นศูนย์

Grab ผู้นำ Super App แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของการเดินทางในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ โดยพัฒนาและให้บริการการเดินทางขนส่งสาธารณะผ่านเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกแก่ผู้โดยสารชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวในประเทศไทย

หลังจากที่ได้มีการประกาศนโยบาย Safer Everyday1 และแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีที่ผ่านมา ล่าสุด Grab ได้เปิดตัวสองนวัตกรรมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งประกอบด้วย “Safety Centre” หรือศูนย์ความปลอดภัย ฟีเจอร์ที่รวบรวมบริการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย และ “Passenger Selfie Verification Technology” หรือเทคโนโลยีในการตรวจสอบข้อมูลอัตลักษณ์ของผู้โดยสารผ่านการถ่ายภาพเซลฟี เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกการเดินทางให้กับทั้งผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ โดยการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ Grab ในประเทศไทย ที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางที่ปลอดภัยในทุกๆ วัน ผ่านการป้องกันและลดอุบัติภัยทางถนน รวมถึงอาชญากรรมให้กลายเป็นศูนย์

คุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าวว่า “เพราะทุกชีวิตล้วนมีความหมาย แกร็บจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกการเดินทางบนแพลตฟอร์มของเรา โดยหนึ่งในภารกิจสำคัญที่เรามุ่งมั่นมาโดยตลอดคือการป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติภัยบนท้องถนน รวมถึงอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางให้กลายเป็นศูนย์ นอกเหนือจากการลงทุนในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ แล้ว แกร็บถือเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่รายเดียวในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสร้างระบบเพื่อรองรับการให้บริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล อาทิ การเปิดศูนย์บริการลูกค้าเพื่อรับข้อร้องเรียนตลอด 24 ชั่วโมง การทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่คุ้มครองทั้งผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ในทุกการเดินทาง รวมไปถึงการคัดกรองและตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่อย่างเข้มงวดก่อนที่จะได้ร่วมงานกับแกร็บ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการวางรากฐานทางธุรกิจของ Grab ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาตั้งแต่ต้น และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวต่อไป”

สำหรับฟีเจอร์ล่าสุด “Safety Centre” ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของแกร็บที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการเดินทางโดยจะถูกรวมไว้ในที่เดียว อันได้แก่

  • การแชร์รายละเอียดการเดินทาง: แกร็บ คือผู้ริเริ่มฟีเจอร์ “Share My Ride” เป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ผ่านการแชร์ตำแหน่งปัจจุบัน สถานะการเดินทาง รายละเอียดของคนขับ รวมถึงระยะเวลาโดยประมาณที่ผู้โดยสารจะไปถึงจุดหมาย ให้ครอบครัวหรือเพื่อนๆ ได้รับทราบ
  • การรายงานปัญหาด้านความปลอดภัย: หากผู้โดยสารรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยระหว่างการเดินทาง เช่น พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ขับรถด้วยความประมาท ก็สามารถรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้แกร็บดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที
  • การขอความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน: ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ฉุกเฉินขณะเดินทาง ผู้โดยสารสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที นอกจากนี้ ข้อมูลการเดินทางและตำแหน่งปัจจุบันของผู้โดยสารจะถูกส่งผ่าน SMS ไปยัง “บุคคลที่ผู้โดยสารต้องการให้ติดต่อในยามฉุกเฉิน” ที่ระบุไว้ในแอปพลิเคชัน

“เราตระหนักดีว่าความปลอดภัยของการขนส่งสาธารณะเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ Grab ในด้านความปลอดภัย และในขณะที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเพื่อผลักดันให้การบริการยานพาหนะผ่านทางแอปพลิเคชัน (ride-hailing) ในประเทศไทยถูกกฎหมายนั้น การส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนของผู้ให้บริการทุกรายจึงทวีบทบาทสำคัญในการตอบสนองประเด็นดังกล่าว ดังนั้น Grab จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างมาตรฐานระดับโลกในด้านความปลอดภัยของการเดินทางให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมทั้งในด้านความปลอดภัยของการขับขี่ ตลอดจนการป้องกันอาชญากรรมและความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ ฟีเจอร์เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของแกร็บสามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และนำไปใช้ได้กับทุกบริการของ Grab ไม่ว่าจะเป็น GrabTaxi หรือ GrabCar ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ให้บริการรายอื่นๆ ในเครือข่ายการบริการขนส่งสาธารณะยึดเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่” คุณธรินทร์ กล่าวเสริม

จากผลสำรวจขององค์กรอนามัยโลกพบว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากการจราจรบนท้องถนนสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้2 ซึ่งภาครัฐยังได้เผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นส่งผลต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศถึงราว 5 แสนล้านบาทต่อปี3 แกร็บจึงมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภาครัฐให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2020 ตลอดจนป้องกันอาชญากรรมและความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในบริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการควบคุมมาตรฐานการให้บริการและการนำเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงมาใช้

ในระดับภูมิภาค Grab ได้สานต่อความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา ธุรกิจให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของ Grab ทั่วทั้ง 8 ประเทศ (ซึ่งรวมถึงประเทศไทย) มีอัตราความปลอดภัยในด้านอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ และด้านอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สูงกว่า 1.3 เท่า และ 1.8 เท่าตามลำดับ เมื่อเทียบกับมาตรฐานขั้นต่ำสุดในด้านคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งระบุในรายงานผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและการให้บริการของอุตสาหกรรมแท็กซี่ 4 ที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศสิงคโปร์

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Tokenization Summit 2024 by Token X พบกูรูระดับโลกเจาะลึกวิสัยทัศน์การปฏิวัติ Digital Asset

เวทีสัมมนาสุดยิ่งใหญ่ “Tokenization Summit 2024” ภายใต้หัวข้อ Unveiling the Next Big Thing ขนทัพผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ มาให้ความรู้ แ...

Responsive image

TikTok จับมือ ลาลีกา สานต่อความร่วมมือ ยกระดับคอมมูนิตี้คนรักฟุตบอล

TikTok จับมือ ร่วมมือ LALIGA (ลาลีกา) ลีกฟุตบอลของประเทศสเปน เดินหน้าความร่วมมือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากความสำเร็จในการร่วมมือกันครั้งแรกในประเทศไทย ที่นำไปสู่การขยายความร่วมมื...