JD CENTRAL ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นของแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ | Techsauce

JD CENTRAL ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นของแท้ 100 เปอร์เซ็นต์

JD CENTRAL ประกาศเปิดเว็บไซต์ JD.co.th ตัวอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคลังสินค้า 2 แห่งเป็น 5 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ระบุเพื่อให้บริษัทสามารถจัดการสต็อกและรองรับคำสั่งซื้อสินค้าที่จำหน่ายเอง (Direct Sales) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เจดี เซ็นทรัล (JD CENTRAL) บริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีก ระหว่างบริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด และเจดีดอทคอม (JD.com) บริษัทค้าปลีกออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชูยุทธศาสตร์ 5 ปีสู่การเป็น Tech Company ต่อมาก็ได้เปิดตัวเว็บ JD.co.th แบบ Soft Launch ไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา รวมถึงเปิดตัว CENTRAL JD Fintech เพื่อเตรียมนำระบบการชำระเงินด้วยใบหน้า (Payment with Facial Recognition) เข้ามาใช้ในการชำระเงินในห้างเครือเซ็นทรัลและผ่านเว็บ JD.co.th ในอนาคต พร้อมเปิดตัว Wallet ในปีหน้า

ล่าสุด JD CENTRAL ประกาศเปิดเว็บไซต์ JD.co.th ตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเพิ่มจำนวนคลังสินค้ารวม 5 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ สร้างเสริมประสบการณ์ช้อปไร้ขีดจำกัด กับการการันตีแบรนด์สินค้าของแท้ส่งตรงถึงนักช้อปออนไลน์ พร้อมระบบโลจิสติกส์ครบวงจร ก้าวขึ้นแท่นผู้นำค้าปลีกออนไลน์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากผู้บริโภค และครอบคลุมลูกค้า 25 ล้านคนภายในปี 2562

คุณวินเซนต์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดี เซ็นทรัล เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ เจดีเซ็นทรัล ในการเป็นผู้นำค้าปลีกออนไลน์สมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ทั้งยังมีนโยบายรับรองสินค้าของแท้ 100% ทุกชิ้น ซึ่งสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า บริษัทจึงมั่นใจที่จะเดินหน้าก้าวสู่เป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย

"ตั้งแต่การเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของเราสูงกว่าที่คาดถึง 15 เท่า ถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างไม่น่าเชื่อ โดยกว่า 80% เข้าถึงแพลตฟอร์มของเราผ่านโทรศัพท์มือถือ และหลังจากเปิดให้บริการมาได้สามเดือน ปัจจุบันเราได้ร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรที่แข็งแกร่งหลากหลายแบรนด์ โดยสินค้าบนแพลตฟอร์ม เจดี เซ็นทรัล มาจากแบรนด์และผู้ให้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรวบรวมหลากหลายแบรนด์คุณภาพ และนำเสนอแต่สินค้าของแท้ในราคาที่ดีที่สุดสู่มือลูกค้า"

ทั้งนี้ ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินงานสู่การเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีคอมเมิร์ซ เจดี เซ็นทรัล มีแผนที่จะเสริมการให้บริการลูกค้าและเพิ่มความไว้วางใจผ่านการพัฒนาศักยภาพระบบโลจิสติกส์ เบื้องต้นมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนคลังสินค้าในประเทศไทย จากปัจจุบันที่มี 2 แห่ง ให้เป็น 5 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถจัดการสต็อกและรองรับคำสั่งซื้อสินค้าที่เจดีเซ็นทรัลเป็นผู้จำหน่ายเอง (Direct Sales) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ จะให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียว (Same Day Delivery) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียวครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือคิดเป็นลูกค้ากว่า 25 ล้านคนได้ภายในปี 2562 ด้านการจัดส่งสินค้าแบบมาร์เก็ตเพลซ (Marketplace) ที่จำหน่ายสินค้าของแท้โดยร้านค้าออฟฟิเชียลต่างๆ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มของ เจดี เซ็นทรัล ในการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้า ทางบริษัทจะคัดเลือกและกำหนดผู้ให้บริการด้านการจัดส่งที่ร้านค้าใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการบริการด้านการจัดส่งที่ดีที่สุด

ในขณะเดียวกัน เจดี เซ็นทรัล ยังมีแผนนำเทคโนโลยีอีโลจิสติกส์อันทันสมัยมาใช้ในการจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Warehouse Robots) ที่ช่วยทุ่นแรงมนุษย์และลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก สร้างประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพื้นที่ในคลังสินค้าได้ถึง 500% หรือยานยนต์ส่งสินค้าไร้คนขับ (Autonomous Delivery Vehicle) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมเมืองที่มีความหนาแน่นสูง สามารถรับสินค้า ณ สถานีจัดส่ง และเดินทางนำไปส่ง ณ จุดรับสินค้าตามที่กำหนดได้โดยอัตโนมัติ เหล่านี้คือนวัตกรรมด้านอีโลจิสติกส์จาก เจดี เซ็นทรัล ที่ผสานเทคโนโลยี Big Data และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีแผนที่จะนำมาเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดสอบใช้ในประเทศไทยผ่านโปรแกรมนำร่องในปี 2562

คุณวินเซนต์ กล่าวต่อว่า “นอกจากกลยุทธ์การตลาดและประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เรายังได้จัดทำแคมเปญพิเศษต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผ่านการผนึกกำลังระหว่าง เจดี เซ็นทรัล และแบรนด์พันธมิตรชั้นนำกว่า 80 แบรนด์ ที่ร่วมยินดีกับกับ เจดี เซ็นทรัล ผ่านคลิปวิดีโอจากผู้บริหารระดับสูงของแต่ละแบรนด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนระหว่างเราและแบรนด์พันธมิตร”

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เตรียมพบกับงานสัมมนา Social Value thailand Forum 2024 เปลี่ยนผ่านประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

งานสัมมนาเปลี่ยนผ่านประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยฐานความรู้ นวัตกรรม และความร่วมมือรัฐ เอกชน สังคม Accelerating Education and Partnership for the SDGs...

Responsive image

เปิดตัวโครงการนำร่อง "กำแพงพักใจ ที่พักใจให้เยาวชน" ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิ Wall of Sharing, Ooca และ สปสช.

โครงการนี้มีเป้าหมายในการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตสำหรับเยาวชน 2,500 คนในกรุงเทพฯ ด้วยบริการให้คำปรึกษาออนไลน์ฟรี และยังลดภาระในการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต โดยที่เยาวชนจะได้รับก...

Responsive image

“Brother" ยกระดับมาตรฐานบริการรอบด้าน มุ่งสร้างความพึงพอใจลูกค้าพร้อมตั้งเป้าโต 6%

Brother พร้อมต่อยอดความสำเร็จจากปี 2566 มุ่งตอบโจทย์โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ยกระดับงานให้บริการสู่มาตรฐานขั้นสูง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด พร้อมเสริมแกร่งฐานลูกค้ากลุ่...