Oracle เสริมศักยภาพด้านความปลอดภัยเพื่อเพิ่มความอุ่นใจแก่ลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชันและเก็บข้อมูลใน Oracle Cloud Infrastructure (OCI) พร้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันด้วย 5 ความสามารถใหม่ ซึ่งมีทั้งบริการ Firewall บิลต์อินแบบใหม่ในคลาวด์ รวมถึงการเสริมประสิทธิภาพให้กับ Oracle Cloud Guard และ Oracle Security Zones มอบนวัตกรรมขั้นสูงเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถยกระดับความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลและใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ด้วยบริการที่ผสานเข้ากับระบบอย่างเรียบง่ายและควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแทบไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติม
ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจทุกประเภทนับตั้งแต่บริการทางการเงินไปจนถึงค้าปลีก ต่างกำลังย้ายภาระงานที่สำคัญไปทำในระบบคลาวด์ ซึ่งทำให้พวกเขาต้องพยายามอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยทั้งจากภายในและภายนอก Firewall ที่อาจนำไปสู่การละเมิดและเปิดเผยข้อมูล
ยกตัวอย่างเช่นประเด็นเรื่องการคุกคามที่เกิดขึ้นภายในบริษัทซึ่งกำลังเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันในวงกว้างขณะนี้ โดยการ์ตเนอร์ (Gartner) คาดว่า “ตลอดปี 2033 ความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลในคลาวด์อย่างน้อย 99% เกิดจากความผิดพลาดของตัวลูกค้าเอง” ซึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ ผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบคลาวด์จึงถูกคาดหวังให้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของบริการรักษาความปลอดภัยของคลาวด์ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง และดูแลกระบวนการทำงานผ่านคลาวด์ให้ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
คุณทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ระบบคลาวด์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศไทยทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ไปจนถึงรายย่อย ซึ่งมีทั้งการใช้บริการแอปพลิเคชันบนคลาวด์ในการทำงานของบริษัท ไปจนถึง SaaS ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานหลังบ้านขององค์กร อาทิ การบริหารทรัพยากรองค์กรและงานฝ่ายบุคคล เป็นต้น และแน่นอน รวมถึงการใช้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูง สถานการณ์การแพร่ระบาดยังเป็นตัวกระตุ้นให้องค์กรทุกระดับเกิดความตื่นตัวและเริ่มดำเนินการ Digital Transformation กันมากขึ้น ผ่านรูปแบบการทำงานแบบ Work from Home ก่อให้เกิดความต้องการด้านความยืดหยุ่นในการใช้งานซอฟต์แวร์และการเข้าถึงข้อมูลบริษัทที่สะดวกรวดเร็วจากทุกที่ทุกเวลา ซึ่งคลาวด์ตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“การเสริมประสิทธิภาพของ OCI ด้วย 5 ขีดความสามารถใหม่ของ Oracle ครั้งนี้ จึงช่วยตอบโจทย์การใช้งานด้านความปลอดภัยและเพิ่มความอุ่นใจแก่ผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการที่องค์กรและหน่วยงานระดับโลกมากมายต่างมอบความไว้วางใจเลือกใช้คลาวด์ของ Oracle ในการสนับสนุนการดำเนินงานที่มีสเกลขนาดใหญ่และครอบคลุมในระดับสากล”
“องค์กรจำนวนมากต่างเชื่อมั่นว่าแอปพลิเคชันและข้อมูลสำคัญสามารถเก็บไว้ในระบบคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยเช่นเดียวกับการจัดเก็บในสถานที่ปฏิบัติงาน ดังนั้น การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์และบริการรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ใน OCI จึงเป็นการตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างตรงจุด เพราะเราสามารถกำหนดคุณสมบัติเพื่อแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในคลาวด์ทางเลือกอื่น ๆ รวมถึงปัญหาด้านความซับซ้อนและการไม่รองรับระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องเผชิญเมื่อใช้คลาวด์ของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เพราะ Oracle ทำให้การรักษาความปลอดภัยในคลาวด์เป็นสิ่งที่ใช้ง่ายและมีราคาที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า” เจย์ เบร็ตซ์มานน์ ผู้อำนวยการฝ่ายโปรแกรมความปลอดภัย ไอดีซี กล่าว
Oracle ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Build In มาให้ตัวสำหรับลูกค้า OCI เพื่อให้กระบวนการทำงานมีมาตรฐานสอดคล้องตามข้อกำหนด ทั้งยังมอบประสิทธิภาพสูงสุดในการรับมือภัยคุกคามด้านความปลอดภัย และป้องกันช่องโหว่ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทุกรูปแบบ ผ่านการขยายขีดความสามารถด้านความปลอดภัยในคลาวด์ให้มีการป้องกันแบบหลายชั้น ทำให้สามารถตรวจจับและรับมือกับการคุกคามและการล่วงละเมิดข้อมูลได้อย่างฉับไว โดยขีดความสามารถใหม่ทั้ง 5 ได้แก่
“Oracle ไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนาบริการด้านความปลอดภัยซึ่งติดตั้งมาพร้อมขีดความสามารถด้านความปลอดภัยแบบพร้อมใช้งานในตัว ด้วยการผสานคุณสมบัติ Palo Alto Networks VM-Series Next Generation Firewall ทำให้เราสามารถมอบบริการพร้อมประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยที่เหลือเชื่อให้แก่ลูกค้าของเรา” อนันด์ ออสวัล รองประธานกรรมการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความปลอดภัยเครือข่ายแห่ง Palo Alto Networks กล่าว “ลูกค้า Oracle จึงมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์จากเครื่องมือด้านความปลอดภัยบนเครือข่ายอันล้ำสมัยของ Palo Alto Networks”
คริสโตเฟอร์ จี เชลลิอาห์ รองประธานกรรมการอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีและกลยุทธ์ลูกค้า ประจำประเทศญี่ปุ่นและเอเชียแปซิฟิก ออราเคิล คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า “โดยพื้นฐานแล้วเราเชื่อว่าระบบรักษาความปลอดภัยควรถูก Build In มาเป็นบริการพื้นฐาน ลูกค้าไม่ควรต้องถูกบังคับให้ยอมแลกระหว่างความปลอดภัยกับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานคลาวด์ ความปลอดภันของระบบคลาวด์ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันเสมอระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์และตัวลูกค้า และเราขอสนับสนุนให้ลูกค้าตรวจสอบผู้ให้บริการของท่านเพื่อให้มั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับการปกป้องเสมอ เป้าหมายของเราคือการยกระดับความรับผิดชอบ ผ่านการใช้นวัตกรรมใหม่ การยกระดับ Zero Trust Model ของเรา การแบ่งประเภทและการคัดแยกรูปแบบการเช่าระบบที่ชัดเจน การเข้ารหัสอย่างสม่ำเสมอ หรือการใช้โซลูชันอย่าง Cloud Guard ซึ่งเรามีทั้งเทคโนโลยี ML และ AI คอยเฝ้าระวังการโจมตีและวางแนวทางป้องกันการโจมตีเหล่านั้น”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด