บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายอภิชาติ จูตระกูล (ที่ 3 จากขวา) ประธานกรรมการ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจโควิด-19 แก่กระทรวงสาธารณสุขนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล (กลาง) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต (ที่ 3 จากซ้าย) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเร็วๆนี้ หวังเสริมทัพการตรวจเชิงรุกในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูเก็ตจากที่มีการตรวจคุมเข้มได้ดีอยู่แล้วให้ตรวจเชิงรุกได้ครอบคลุมมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น เชื่อมั่นยิ่งตรวจพบผู้ติดเชื้อได้เร็ว ยิ่งยับยั้งการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริได้มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจโควิด-19 จำนวน 1 คัน มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้กรมควบคุมโรคได้ใช้ตรวจโควิด-19 เชิงรุกในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและภูเก็ต เพราะแม้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีจนได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด แต่การจะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เร็วและยั่งยืน คือ การตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ในวงกว้าง ควบคู่กับการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทุกคนของประเทศให้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด
แสนสิริมีส่วนสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยปีที่ผ่านมาได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เหตุผลที่แสนสิริได้บริจาครถตรวจโควิด-19 ในปีนี้ เพราะเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการใช้เร่งด่วนเพื่อส่งเสริมการตรวจเชิงรุก ให้สามารถได้ในวงกว้างมากขึ้นและเร็วขึ้น ประเทศไทยจะได้ทราบจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้และควบคุมการระบาดที่กลับมาอีกครั้งในครั้งนี้จนกระทั่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4 หลักต่อวันและจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมถึง ได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ แสนสิริยังได้เดินหน้านโยบาย “Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย” อย่างต่อเนื่องมาเปนเวลากว่า 1 ปีแล้ว เพื่อยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยและสุขอนามัยขั้นสูงสุดในการรับมือสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านการดูแลครอบครัวแสนสิริกว่า 100,000 ครอบครัว ตลอดจนลูกค้าที่เยี่ยมชมโครงการ พนักงาน พันธมิตรและสังคม ด้วย 3 มาตรการ คือ ป้องกัน ดูแล และรับมือ รวมทั้งจัดทำโครงการ “Sansiri Care for All’ เพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาคสิ่งของแก่ชุมชนข้างเคียง และตั้งกองทุน “Sansiri Care Relief Fund” เพื่อดูแลพนักงานแสนสิริและพันธมิตรด้านบริการในโครงการต่างๆ อาทิ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ช่างอาคาร ฯลฯ หากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากการเสียสละดูแลครอบครัวแสนสิริ ด้วยกองทุนตั้งต้น 5 ล้านบาทจากเงินบริจาคส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย
“แสนสิริเชื่อว่าในวิกฤตินี้ ภาคธุรกิจที่มีผลประกอบการดีควรช่วยเหลือสังคมและเป็นส่วนสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นไปได้ แสนสิริมียอดขายปี 2563 ที่ 45,000 ล้านบาทและรายได้ 28,200 ล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินทุนหมุนเวียนที่ 17,000 ล้านบาท ทำให้เราสามารถช่วยเหลือสังคมและรักษาสมดุลของ 4 เสาสังคม อันได้แก่ ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคมได้ ซึ่งปีนี้เราจะต่อยอดความช่วยเหลือไปสู่การสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีแกร่งและโตไปด้วยกันท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทายได้กับโครงการ “Build for All: สร้างไปด้วยกัน” โดยร่วมมือก้บธนาคารไทยพาณิชย์ วางเป้าช่วยเหลือ 1,500 เอสเอ็มอี ด้วยเงินทุนซื้อสินค้า 6,000 ล้านบาท และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 1,000 ล้าน “ นายอภิชาติ กล่าวสรุป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด