คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ CEO บริษัท SC Asset Coperation จำกัด (มหาชน) ชูทิศทาง 5 ปี 2019-2023 “NEXT is NOW” ทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริง สร้าง living solutions ให้จับต้องได้ เพื่อส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัย
หลังประกาศวิชั่นอนาคตก้าวสู่การเป็น living solutions provider ในปี 2018 ที่ผ่านมา โดยขับเคลื่อน SC ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก คือ
- “SC ASSET Profit Growth” กำไรดี หนี้ลด มุ่งสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ในปี 2019 สู่ 3,000 ล้านบาท ในปี 2023
- “SC ASSET is Quality” เติบโตโดยรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพสูง SC Family จะเติบโตจาก 20,000 ครอบครัว ปี 2019 เป็น 35,000 ครอบครัว ปี 2023 คุณภาพเป็น top priority ในการขับเคลื่อนบริษัท
- “SC ASSET as Living Solutions Provider” รู้ใจผู้อยู่อาศัย ประสานนวัตกรรมสู่ที่อยู่อาศัยและบริการ ทำ living solutions ให้เกิดขึ้นจริง ส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัยอย่างจับต้องได้
หัวใจสำคัญของความสำเร็จขององค์กร คือ บุคลากรองค์กร และสิ่งที่ขับเคลื่อนบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ วัฒนธรรมองค์กร ต้นปี 2019 SC ได้ประกาศวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า #SKYDIVE สู่การเป็น living solutions provider โดยมีค่านิยม (core values) 4 อย่างคือ care, courage, collaboration, continuous improvement
สำหรับปี 2019 คุณณัฐพงศ์ กล่าวว่า “SC ตั้งเป้ารายได้ 19,000 ล้านบาท เติบโต 22% แบ่งสัดส่วนแนวราบ-แนวสูง-เพื่อเช่า ในสัดส่วน 60-35-5 พร้อมกับเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท เติบโต 46%
โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมดรวม 59 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 62,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 46 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดอีก 13 โครงการใหม่ มูลค่า 22,700 ล้านบาท ได้แก่
แนวราบ 9 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาทมีทั้งโครงการบ้านและทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ในทุกระดับราคา
แบ่งเป็นกลุ่มระดับราคาน้อยกว่า 8 ล้านบาท ประมาณ 71% กับ กลุ่มระดับราคามากกว่า 8 ล้านบาท ประมาณ 29%
โดยข้อมูลจาก Area (Agency Real Estate Affairs) สรุปเมื่อปี 2018 ชี้ว่า บ้านเดี่ยวจาก SC ในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไป ครองอันดับ 1 มี Market Share ถึง 14% ส่วนบ้านระดับราคา น้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโตจาก Top 10 มาอยู่อันดับ 4 ด้วย Market Share 6%
พร้อมกับแนวสูง 4 โครงการใหม่ มูลค่า 16,200 ล้านบาท แบ่งเป็น
SC พัฒนา 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Crest ได้แก่
- โครงการ The Crest Park Residences ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท บน ที่ดิน Prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ใกล้กับศูนย์การค้า ชั้นนำอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ทำให้ได้วิวสวนพื้นที่กว่า 700 ไร่ โดยพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น
- โครงการ The Crest Asoke Residences บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ 2 งาน มูลค่า 2,500 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 23 เพียง 450 เมตรถึง MRT สุขุมวิท และ BTS สถานีอโศก ย่านใจกลางธุรกิจที่ผสมผสานความสะดวกสบาย และความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ lifestyle ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิ้ง ในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศก
และ พัฒนาโดยบริษัท Scope จำกัด อีก 2 คอนโดฯ ระดับ Super Luxury มูลค่า 10,200 ล้านบาท ทำเลหลังสวน ศูนย์รวมธุรกิจใจกลางเมือง และทำเลติด BTS สถานีทองหล่อ
บางส่วนของ living solutions ที่ทั้งเกิดขึ้นจริงแล้ว และ กำลังจะเกิดขึ้นจริงในครึ่งปีแรก ปี 2019 ดังนี้
- “Baan Rue Jai application” พร้อมให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการโดย SC ทั้งหมดกว่า 20,000 ครอบครัวดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ มี feature เบื้องต้นคือ สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ SC, แจ้งซ่อม, และตรวจสอบคุณภาพอากาศ (AQI) บริเวณใกล้เคียงที่อยู่อาศัย และ SC จะเพิ่ม feature ใหม่ๆอีก 6-7 อย่าง ภายในครึ่งปีแรกนี้
- “Rue Jai Subscription” ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต เป็น feature ล่าสุด ช่วยอำนวยความสะดวกรายเดือน พร้อมให้บริการบน application ครั้งแรก 7 มี.ค. 2019 นี้ โดยเสนอแพคเกจรายเดือนเริ่มต้น เดือนละ 1,990 บาท ครอบคลุมบริการดูแลที่อยู่อาศัย เช่น ดูแลสวน, ซัก อบ รีด, ทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงบริการอื่นๆ ในอนาคต ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น
- “Mr. Holmes” หุ่นยนต์ตรวจการอัจฉริยะสัญชาติสิงคโปร์ตัวแรกในประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรอบโครงการ The Neighbourhood บางกระดี เป็นก้าวแรกของการใช้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับ รปภ.ที่เป็นมนุษย์
- “Project Agora” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง SC X IDEO Tokyo บริษัท ออกแบบโซลูชั่นระดับโลก ผู้นำแนวคิด human-centered design และใช้ design thinking มาสร้างงานออกแบบพื้นที่ “Third Space” ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่ในโครงการของ SC ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัท ไหนทำมาก่อน
- “Project Computational” เป็นการทดลองนวัตกรรมการออกแบบผังโครงการครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ร่วมกันระหว่าง SC X Fire One One โดยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้การออกแบบผังโครงการ เพื่อเป็นก้าวแรกสำหรับสร้าง AI ที่จะออกแบบผังโครงการให้ SC ในอนาคต และก้าวต่อไปจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์นักออกแบบและ AI นักออกแบบ
ทั้งนี้ในปี 2018 SC มีผลการดำเนินงานที่ดีเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 15,616 ล้านบาท เติบโต 25% กำไรสุทธิ 1,782 ล้านบาท เติบโต 42% พร้อมมียอดขาย 15,022 ล้านบาท นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2018 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2019 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายนนี้ ต่อไป