เอสซีจี เผยกลยุทธ์ยกระดับกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และวงการก่อสร้าง ผนึกพันธมิตรทุกส่วนส่งมอบนวัตกรรมการก่อสร้างครบวงจร “CPAC Construction Solution” ให้ลูกค้าได้งานคุณภาพ-สร้างเสร็จไว-คุมงบได้-ไร้ปัญหา ผนวกเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยลดของเสียในงานก่อสร้างตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมตั้งเป้าปั้นศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ “CPAC Solution Center” 20 สาขาทั่วไทย และขยายเครือข่ายช่าง-ผู้รับเหมาท้องถิ่นจาก 2,000 คน เป็น 20,000 คน ในปี 2020 หนุนทั้งอีโคซิสเท็มร่วมเติบโตอย่างยั่งยืน
นายชนะ ภูมี Vice President – Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เป็นผู้ผลิตซีเมนต์และคอนกรีตที่ได้รับการยอมรับในตลาดทั่วภูมิภาคมากว่า 100 ปี และมีการปรับตัวเพื่อเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันให้รับกับความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ มาตลอด เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่มีการยกระดับกระบวนการทำงานของกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และโซลูชั่นการก่อสร้าง (Cement and Construction Solution Business) โดยอาศัยเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งทั้งในระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ เพื่อยกระดับวงการก่อสร้างไทยให้เป็นสังคมรุ่งเรือง (Wealth Community) ที่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่คุณค่าได้รับประโยชน์และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน รวมทั้งเกิดสังคมสีเขียว (Green Society) ที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรในการก่อสร้างทั้งวัตถุดิบ คน งบประมาณ และเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลประโยชน์ที่จับต้องได้ในเชิงคุณค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ การใช้ Construction Solution Technology ตอบโจทย์ความต้องการและการแก้ปัญหาให้ลูกค้า การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น BIM มาช่วยตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด และการตั้งศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ “CPAC Solution Center”
เนื่องจากที่ผ่านมา เอสซีจีได้รับความไว้วางใจให้ร่วมเป็นส่วนสำคัญในงานก่อสร้างหลายรูปแบบ ทำให้เราเห็นความต้องการและปัญหาต่างๆ ของลูกค้า ทั้งสินค้าคุณภาพที่จัดส่งตรงเวลาและเหมาะกับการก่อสร้างประเภทต่างๆ เทคโนโลยีที่ช่วยบริหารให้เกิดความคุ้มค่าและช่วยเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตรงจุด กลยุทธ์แรกในการยกระดับกระบวนการทำงาน คือการใช้ Construction Solution Technology ตอบโจทย์ความต้องการและการแก้ปัญหา ให้ลูกค้าเจ้าของงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งช่าง ผู้รับเหมา บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายย่อย และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้อย่างครบวงจร มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานสูงสุด โดยซีแพค (CPAC) ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร นำเทคโนโลยีและเครื่องมือการบริการที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐานสากล เช่น เทคโนโลยีการออกแบบ การตรวจสอบโครงสร้าง และการขนส่ง ผนวกกับสินค้าคุณภาพสูง และความรู้ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมานาน มาพัฒนาเป็นโซลูชั่นใหม่ๆ ในการก่อสร้างที่ครบวงจร ภายใต้ชื่อ “CPAC Construction Solution”
ตัวอย่างโซลูชั่นสำหรับกลุ่มเจ้าของบ้าน ช่าง และผู้รับเหมารายย่อย ที่นำสินค้าคุณภาพพร้อมทีมช่างมืออาชีพซึ่งได้รับการเสริมศักยภาพจากซีแพคให้มีความรู้และความชำนาญไปให้บริการ อีกทั้งยังสร้างความสบายใจให้เจ้าของบ้านด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถติดตามการทำงานของทีมช่างได้ตลอดเวลา ตั้งแต่โซลูชั่นงานพื้น ที่ให้บริการเท ปาด ขัด โซลูชั่นเสาและคาน ที่ช่วยเสริมการก่อสร้างให้แข็งแรงขึ้นด้วยระบบเสาและคานสำเร็จรูป โซลูชั่นผนังสำเร็จรูป ที่ให้บริการฉาบ รวมทั้งยังพัฒนาเป็นโซลูชั่นอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า เช่น โซลูชั่นสำหรับฟาร์มปศุสัตว์ ที่ให้บริการออกแบบและให้คำปรึกษาการก่อสร้างโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน สร้างเสร็จเร็ว และคุมงบได้ด้วยวัสดุก่อสร้างแบบสำเร็จรูป
ส่วนโซลูชั่นสำหรับผู้รับเหมาและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เช่น โซลูชั่นสำหรับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น งานก่อสร้างพื้นไร้คานสำหรับสถานีรถไฟฟ้า หรืองานหล่อคานสำหรับสะพาน ที่ให้บริการออกแบบ การจัดหาวัสดุ การควบคุมการผลิต รวมถึงการติดตั้ง โซลูชั่นซ่อมแซมหรือยืดอายุสิ่งก่อสร้าง เช่น โครงสร้างอาคาร โรงงาน สะพาน หรือท่าเทียบเรือ และโซลูชั่นงานฐานรากใต้พื้นดิน ที่ให้บริการออกแบบระบบงานดินและระบบระบายน้ำเพื่อลดเวลาการก่อสร้าง รวมทั้งการแก้ปัญหาอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ภาคกลางที่มีการทรุดตัวของดินสูง
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาสำคัญในการก่อสร้าง คือ การเกิดของเสีย (Waste) จำนวนมาก โดยเฉพาะการสำรองปริมาณวัสดุก่อสร้างเกินความจำเป็น ที่นำมาซึ่งการสูญเสียทรัพยากรวัตถุดิบ แรงงานคน เวลา และงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เอสซีจี จึงนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ ด้วยกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด เช่น การใช้ BIM (Building Information Modeling) ซึ่งเป็นโมเดล 3 มิติ ที่รวมแบบสถาปัตย์ โครงสร้าง และงานระบบเข้าด้วยกัน ในการออกแบบก่อสร้างอาคารตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้สามารถวางแผนสั่งวัสดุต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ และสามารถตรวจสอบตำแหน่งหรือความผิดพลาดในจุดต่างๆ ผ่านโมเดลได้ก่อนลงมือสร้างจริง จึงช่วยลดของเสียจากการเผื่อวัสดุ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ เวลา และต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการนำวัสดุเหลือใช้ในงานก่อสร้าง เช่น เศษคอนกรีต หมุนเวียนกลับมาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอีกครั้ง ทำให้ของเสียกลายมาเป็นประโยชน์ที่เกิดกับทุกฝ่าย (From Waste to Wealth)
และเพื่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง จึงมีกลยุทธ์ 3.) การตั้ง “CPAC Solution Center” เป็นศูนย์รวมที่คนในวงการก่อสร้างแต่ละจังหวัดสามารถมาแลกเปลี่ยนความรู้ วิธีบริหารงานก่อสร้าง รวมถึงหาโซลูชั่นต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งซีแพคจะช่วยเชื่อมโยงนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีจากผู้เกี่ยวข้องมาแก้ไขปัญหาต่างๆ ในงานก่อสร้างให้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ด้วย “CPAC Construction Solution” โดยได้เปิด CPAC Solution Center แห่งแรกที่เชียงใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าเปิดครบ 9 สาขา ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี พัทยา นนทบุรี และนครปฐม ในสิ้นปี 2562 ก่อนขยายเป็น 20 สาขาทั่วประเทศ ในปี 2563 โดยหวังขยายเครือข่ายช่างและผู้รับเหมาท้องถิ่นจาก 2,000 คน เป็น 20,000 คน ในปี 2563 เพื่อเกิดประโยชน์กับวงการก่อสร้างไทยอย่างยั่งยืนต่อไป” นายชนะ ทิ้งท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด