สำหรับ @Username ของ SIX Network เอาไว้ทำธุรกรรมระหว่าง SIX Wallet ไปยัง SIX Wallet เท่านั้น หากผู้ใช้งานจะทำธุรกรรมระหว่าง Stellar Network ก็สามารถใช้ Public key ในการทำธุรกรรมได้เช่นกัน
นอกเหนือจากนั้นทาง SIX Wallet สามารถดูประวัติการทำธุรกรรมและดูราคา Crypto แบบ Real Time และย้อนหลังได้อีกด้วย อีกทั้งในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป จะรองรับสกุลเงินหลักต่าง ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, OMG และอื่น ๆ
จุดเด่นหรือ Killer Feature กับความปลอดภัยสูงสุด
การทำธุรกรรมบน SIX Wallet หนึ่งธุรกรรม จำเป็นต้องใช้กุญแจอย่างน้อยสองดอกในการไขตู้เซฟเพื่อนำเงินออกมาได้ กุญแจดอกแรกจะอยู่กับฝั่งผู้ใช้งานที่กำลังจะทำธุรกรรม และอีกหนึ่งดอกจะอยู่ที่ฝั่ง Server ของ SIX network ที่ช่วยยืนยันการทำธุรกรรม
โดยทาง SIX อธิบายถึงวิธีการใช้งานคร่าว ๆ คือ เมื่อฝั่งผู้ใช้งานต้องการจะทำธุรกรรม แอปพลิเคชั่นของผู้ใช้งานจะส่งข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้งานไว้หนึ่งชุดเพื่อสร้างกุญแจ และส่งมาที่ Server สำหรับฝั่ง Server จะนำข้อมูลของผู้ใช้งานที่ถูกเข้ารหัสไว้มาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พึ่งได้รับมาจากผู้ใช้งานและสร้างกุญแจอีกหนึ่งดอก หากกุญแจ 3 ดอกใน 4 ดอกมีค่าเท่ากัน ถึงทำให้เกิดธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ได้
จากที่กล่าวไปข้างต้น หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งถูกโจรกรรม เช่นฝั่ง Server ถูกแฮ็ค ก็ยังจะไม่สามารถโอนเงินของผู้ใช้ได้ เนื่องจากยังขาดข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจากฝั่งผู้ใช้ ในทางกลับกัน หากฝั่งผู้ใช้งาน ถูก Hack ข้อมูลของฝั่งผู้ใช้งานที่ถูกเข้ารหัสและส่งไปยัง Server จะไม่ตรงกัน ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมได้สำเร็จนั่นเอง
ทำความรู้จัก Multi Signature
SIX Wallet Roadshow 2018
มี 3 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน
SIX Wallet: ศูนย์รวม Crypto Asset ของผู้ใช้งาน และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
Core service: เปิดบริการ API บน SIX Wallet ในการชำระเงินในโลกธุรกิจรวมไปถึง Partner และ Startup ต่างๆ ที่ต้องการรับชำระเงินด้วย SIX ในอนาคต
Business Integration & Tokenization: การสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย SIX Network ให้กับพาร์ทเนอร์
SIX Wallet จะเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งบน App Store (iOS) และ Play Store (Android) ในวันที่ 9 สิงหาคม 2018 โดย SIX Network จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจนสิ้นปี 2018 นี้อีกด้วย