
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและ Meta ประกาศยืนยันความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทยผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และนวัตกรรม พร้อมเสริมสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจในโลกออนไลน์สำหรับประชาชนและธุรกิจไทย
ในระหว่างการประชุม นายเควิน มาร์ติน รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะระดับโลกของ Meta และผู้นำระดับสูงของรัฐบาลไทยนำโดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้หารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการผลักดันประเทศไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลแบบองค์รวมและเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่ายินดีที่ได้พบหารือกับ บริษัท Meta ในโอกาสที่รองประธานฯ ได้เดินทางมาเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมขอบคุณบริษัทที่ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล และให้การสนับสนุนประเทศไทยในหลายมิติมาโดยตลอด โดยเฉพาะความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันการฉ้อโกงและหลอกลวงบนโลกออนไลน์ผ่านการบูรณาการความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และการจัดทำและเผยแพร่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือทางการตลาดดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta
เสริมพลังธุรกิจไทยและ SME ผ่านเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AIรัฐบาลไทยและ Meta มีโครงการร่วมกันที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของ ไทยและส่งเสริมการเป็นพลเมืองดิจิทัลผ่านเครื่องมือและการฝึกอบรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยตั้งแต่เปิดตัวโครงการ Meta Live Skill ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมหลักสูตร e-learning กว่า 13,500 คน ผ่านศูนย์ IT ของรัฐบาลกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกันมีผู้เข้าร่วมการอบรมแบบออฟไลน์มากกว่า 800 คน ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีทักษะและความรู้ในการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้โปรแกรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือสำคัญระหว่าง Meta และพันธมิตรภาครัฐสำคัญ 8 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ (MOC), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ. หรือ ETDA), กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ONDE) ภายใต้ DE, สถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล (DiSDA) ภายใต้กระทรวงแรงงาน (MOL), สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), กรุงเทพมหานคร (BMA) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (NBTC)
ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาจากรายงาน AI for Business: APAC Economic Impact Study ของ Deloitte Access Economics สนับสนุนโดย Meta ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ราว 211-512 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 6 ตลาดในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย โดยเน้นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างเท่าเทียม การสำรวจ SMEs กว่า 1,100 แห่งพบว่า 3 ใน 5 ของธุรกิจใช้เครื่องมือ AI อยู่แล้วอย่างน้อยหนึ่งเครื่องมือ ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความพร้อมด้าน AI เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจ

ทั้งรัฐบาลไทยและ Meta ตระหนักดีว่าการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม การเติบโต และโอกาสให้กับทั้งชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ความร่วมมือนี้พิสูจน์ให้เห็นความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลแบบองค์รวมซึ่งธุรกิจทุกขนาดสามารถได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงเทคโนโลยี AI
"Meta รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลไทยในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ของประเทศไทยให้ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบองค์รวมและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมต่อไป” นายเควิน มาร์ติน รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะระดับโลกของ Meta กล่าว
“เรามีเป้าหมายที่ตรงกันในการสร้างความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีเกิดใหม่ โดยเฉพาะ AI จะส่งมอบคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความหมาย ผ่านการปลูกฝังทักษะทางดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการไทย การเสริมสร้างความปลอดภัยออนไลน์ และการสนับสนุนโครงการที่สร้างความไว้วางใจให้กับชุมชน เราหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันประเทศไทยให้เป็นผู้นำในด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด