Veganerie จับมือ More Meat เปิดตัว 4 เมนู Plant-based พร้อมรับประทาน ตอบรับกระแสการบริโภค Plant-based ในไทยมาแรง | Techsauce

Veganerie จับมือ More Meat เปิดตัว 4 เมนู Plant-based พร้อมรับประทาน ตอบรับกระแสการบริโภค Plant-based ในไทยมาแรง

บริษัท วีแกนเนอรี จำกัด และ บริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค จำกัด ร่วมตอบรับกระแสการบริโภคแพลนต์เบสในประเทศไทย เปิดตัว 4 เมนูแพลนต์เบสพร้อมรับประทาน หรือ Ready to Eat ได้แก่  สปาเก็ตตี้โบโลเนส  เกี๊ยวเนื้อจากพืชสไตล์เกาหลี  ลาซานญ่าชีสถั่วหิมพานต์ และ สปาเก็ตตี้ซอสแกงเขียวหวาน ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มวีแกนและรักสุขภาพ ให้มีทางเลือกในการรับประทานและการเลือกซื้อที่มากขึ้น โดยทั้ง 4 เมนูวางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นวันวีแกนโลก  สามารถเลือกซื้อได้ทางร้านวีแกนเนอรี (สาขาพร้อมพงษ์), ร้านค้าออนไลน์ อย่าง www.veganerieworld.com และซุปเปอร์มาร์เก็ต เดียร์ ทัมมี่ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line @veganerieworld

นางสาวณปภัสสร ต่อเทียนชัย CEO และรองประธานกรรมการ บริษัท วีแกนเนอรี จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจร้านอาหารวีแกนของกรุงเทพฯ และประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กระแสการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีปัจจัยจากการระบาดของเชื้อโควิด – 19 ที่ทำให้คนไทยในหลาย ๆ พื้นที่หันมาใส่ใจและเลือกรับประทานอาหารที่ให้คุณประโยชน์กับร่างกาย รวมทั้งตอบรับกับกระแสการดูแลสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเทรนด์การลดการบริโภคอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อ นม ไข่ ชีส ฯลฯ ทำให้ตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารประเภท “วีแกน” และ“แพลนต์เบส” ในประเทศไทยเติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าทั้งกลุ่มร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์สโตร์ได้มีการพัฒนาเมนูต่าง ๆ ที่ใช้วัตถุดิบแพลนต์เบส รวมถึงเพิ่มพื้นที่ในการวางจำหน่ายเทียบเท่ากับการจำหน่ายเนื้อสัตว์จริง และคาดว่ารูปแบบการบริโภคนี้จะยังคงเติบโตเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มขยายตัว 8 – 10% ต่อปี ซึ่งในปีนี้มีการประเมินว่าตลาดโปรตีนทางเลือกในไทยที่มีมูลค่ากว่า 3.62 หมื่นล้านบาท (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) 

นางสาวณปภัสสร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ตอบโจทย์กับกระแสการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ล่าสุด วีแกนเนอรี : Veganerie จึงได้ขยายธุรกิจจากเดิมที่เป็นร้านอาหารสำหรับลูกค้าวีแกนไปสู่ผู้ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน โดยได้ร่วมมือกับบริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค ผู้พัฒนาแพลนต์เบสสัญชาติไทยภายใต้แบรนด์ “มอร์มีท : More Meat” ออก 4 เมนูแพลนต์เบส Ready to eat ได้แก่  สปาเก็ตตี้โบโลเนส เกี๊ยวเนื้อจากพืชสไตล์เกาหลี ลาซานญ่าชีสถั่วหิมพานต์ และสปาเก็ตตี้ซอสแกงเขียวหวาน โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะอยู่ในจุดที่ ส่งเสริมกันและกันซึ่งทางวีแกนเนอรีได้นำแพลนต์เบสของมอร์มีทมาปรุงเป็นอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน คาดว่าจะช่วยให้เข้าหากลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นและกว้างขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกที่บ้าน โดยที่รสชาติและคุณภาพดีเยี่ยมเหมือนทานที่ร้าน ส่วนปัจจัยที่เลือกมอร์มีเป็นพาร์ทเนอร์เนื่องจากมีแนวคิด – วิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจที่คล้ายกัน คือต้องการพัฒนาอาหารแพลนต์เบสเพื่อสุขภาพ อร่อย รสชาติเข้าถึงผู้บริโภคทุกคน พร้อมทั้งต้องการดึงคนที่ไม่เคยรับประทานแพลนต์เบสให้หันมาลองทานอาหารแนวนี้ นอกจากนี้ยังตรงกับเป้าหมายของวีแกนเนอรีเองคือ การสนับสนุนไลฟ์สไตล์วีแกน ที่เป็นผลดีต่อทุก ๆ ด้าน ทั้งสุขภาพ  สัตว์โลก และสิ่งแวดล้อม ที่แสดงถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาคนมักมองว่าการทานผัก หรือทานแพลนต์เบสนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งทั้ง 4 เมนูจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและรับประทานแพลนต์เบสได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

“ความร่วมมือกับมอร์มีทในการพัฒนา 4 เมนูแพลนต์เบสยังถือเป็นก้าวใหม่ของทางวีแกนเนอรี ที่ได้ก้าวเข้าสู่ รูปแบบการค้าปลีก ทำให้ช่องทางมีความหลากหลาย และผู้บริโภคทั้งกลุ่มเดิมของมอร์มีทและวีแกนเนอรี รวมถึงผู้ที่เริ่มสนใจการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะได้รู้จักทั้งสองแบรนด์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพความเป็นคอมมูนิตี้ หรือเติร์ดเพลซ : Third Place ของผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเข้ามารับประทานอาหารที่ร้าน หรือได้เลือกซื้อแพลนต์เบส 4 เมนูบนช่องทางต่าง ๆ จะได้สัมผัสถึงความแตกต่างของอาหารเพื่อสุขภาพที่ไม่เหมือนใครแน่นอน” นางสาวณปภัสสร กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนางสาวกัญญ์วรา ธนโชติวรพงศ์ CEO และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค จำกัด ผู้พัฒนาแพลนต์เบสแบรนด์ “มอร์มีท (More Meat)” กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของมอร์มีทจะเน้นเป็นแพลนต์เบสพร้อมปรุงซึ่งเป็นการขายเพื่อให้ผู้บริโภคหรือลูกค้านำไปประกอบอาหารเองได้ตามใจชอบ เพื่อให้ได้เมนูที่หลากหลายตามความชอบของแต่ละคน แต่การร่วมมือกับวีแกนเนอรีครั้งนี้ ทั้งสองแบรนด์จะเน้นไปที่การทำอาหารพร้อมรับประทาน โดยการนำเอาแพลนต์เบสของมอร์มีทมาเป็นส่วนประกอบในแต่ละเมนู เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อหรือรับประทานได้อย่างหลากหลาย และทำให้ลูกค้าเข้าถึงการบริโภคแพลนต์เบสได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าหลังจากได้มีการจำหน่ายทั้ง 4 เมนูนี้ ทั้งมอร์มีท และวีแกนเนอรี่จะได้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นทั้งกลุ่มของคนรักสุขภาพ กลุ่มที่ต้องการควบคุมอาหาร กลุ่มที่ลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของแต่ละแบรนด์อีกด้วย

“สำหรับ4 เมนูแพลนต์เบส Ready to eat ได้แก่ สปาเก็ตตี้โบโลเนส เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในหลาย ๆ ร้านอาหาร ซึ่งในการนำมอร์มีทมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักนั้น นอกจากจะทานง่ายแล้ว ยังทำให้เมนูนี้มีคุณค่าทางอาหารที่มากขึ้น โดยเอกลักษณ์ยังคงไว้ซึ่งความเหนียมนุ่มของเส้น รสชาติกลมกล่อมของซอสและสมุนไพร เช่น ออริกาโน ใบกระวาน ที่ถูกปรุงมาเป็นอย่างดี  เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียนและอาหารประเภทเส้น จำหน่ายในราคา 199  บาท  ตามด้วย ลาซานญ่าชีสถั่วหิมพานต์ อีกเมนูเอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลียนที่ขึ้นชื่อที่สุดในโลก เมนูนี้มีทั้งเอกลักษณ์ความหอมของชีสจากถั่วหิมพานต์ ความกลมกล่อมของซอสและมอร์มีทที่เข้ากันอย่างลงตัว เหมาะทั้งการเป็นเมนูรับประทานเล่น หรือทานคู่กับสปาเก็ตตี้โบโลเนส โดยจำหน่ายในราคาเพียง 189 บาท  สปาเก็ตตี้ซอสแกงเขียวหวาน เมนูที่ถูกนำมารังสรรค์ในสไตล์ไทย ๆ มาพร้อมกับรสชาติเข้มข้นแบบฉบับเครื่องเทศและความเผ็ดร้อนแบบไทยแท้ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอิ่มจากแหล่งโปรตีนธรรมชาติอย่างเต้าหู้บุก และชื่นชอบเมนูผสมผสานระหว่างไทยและตะวันตก จำหน่ายในราคา 179 บาท และเกี๊ยวเนื้อจากพืชสไตล์เกาหลี ผู้ที่ชื่นชอบอาหารเกาหลีต้องไม่พลาดเมนูนี้ ซึ่งมีทั้งความเหนียวนุ่มของตัวเกี๊ยว รสชาติความเปรี้ยวของกิมจิ ตัดกับซอสหอมๆ รวมทั้งความเด้งของเนื้อมอร์มีทที่เข้ากันได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับการเป็นอาหารทานเล่นระหว่างวัน หรือผู้ที่ต้องการรับประทานมื้อเบา ๆ จำหน่ายในราคาเพียง 149 บาท”

สำหรับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่อัตราการเติบโตของตลาดแพลนต์เบสกลับเติบโตได้เป็นอย่างดี เริ่มมีผู้ประกอบการเจ้าใหม่ ๆ เข้ามาลงเล่นในสนามนี้มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นในระดับสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งข้อนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำตลาดอาหารแพลนต์เบสขยายตัว และช่วยสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามหลายภาคส่วนอาจกังวลว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับผู้ผลิตรายเล็ก ๆ อย่างเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพ แต่แท้จริงแล้วประเด็นดังกล่าวกลับเป็นอานิสงส์ที่สำคัญสำหรับมอร์มีท เนื่องจากทางบริษัทไม่ได้เน้นการแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่แต่จะเน้นไปที่การร่วมเป็นพันธมิตร หรือเป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างมากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามอร์มีทได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการส่งวัตถุดิบไปปรุงรสชาติเป็นเมนูพร้อมทานใหม่ ๆ เช่น ลาบทอดจากพืช และ ต้มยำทอดจากพืช ของแบรนด์ วีฟาร์ม ที่ได้มีการนำไปใช้กับพิซซ่าแพลนต์เบสของร้านโดมิโนพิซซ่า  โดยกลยุทธ์การเป็นพาร์ทเนอร์เหล่านี้ทำให้มอร์มีทมีการเติบโตที่ 30% ในช่วงปีที่ผ่านมา 

สำหรับเป้าหมายและแนวทางการทำธุรกิจอาหารแพลนต์เบสของมอร์มีทในต่อจากนี้ ยังคงคอนเซ็ปต์เพื่อสุขภาพและความยั่งยืน แต่จะเน้นการพัฒนาอาหารที่พร้อมรับประทานให้มากขึ้น โดยเลือกใช้พืชท้องถิ่นใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการวิจัยคุณประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และในปี 2565 ยังมองเรื่องการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศทั้งในแถบเอเชีย และยุโรป โดยเฉพาะในส่วนหลังที่ตลาดนั้นค่อนข้างกว้าง และมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ตลอดจนต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้ดียิ่งขึ้นและร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆทั้งในและนอกตลาด นางสาวกัญญ์วรา กล่าวสรุป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...

Responsive image

ทีทีบี เปิดตัว ttb smart shop พร้อม “ปังปัง” มังกรน้ำเงินมงคล ผู้ช่วยร้านค้าแบบครบวงจร

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี นำโดย นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ พร้อมด้วย นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ เปิดตัวฟีเจอร...