ปีนี้เป็นปีที่เราได้ก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ และถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มองย้อนกลับไปถึงความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่เราบริโภคสื่อ หรือความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟน ไปจนถึงวิธีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ นวัตกรรมล้ำสมัยมากมายถูกคิดค้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างไร้รอยต่อยิ่งขึ้น
วิธีการที่เราใช้ในการชำระเงินได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน ในปัจจุบันผู้บริโภคมั่นใจในการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลแทนที่การใช้เงินสด ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด ผ่านบัตรคอนแทคเลส หรือกระทั่งการชำระเงินออนไลน์ ซึ่งการขยายช่องทางการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลให้มีความแพร่หลายขึ้นในประเทศไทยนี้ ล้วนมาพร้อมกับโอกาส และความท้าทายต่าง ๆ อีกมากมายในอนาคต
ถือเป็นความโชคดีที่เรายังได้เห็นความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยีป้องกันการฉ้อโกง การเข้ารหัสข้อมูล และข้อกำหนดทางอุตสาหกรรมเพื่อให้วิธีการชำระเงินมีความปลอดภัย และช่วยปกป้องการทำธุรกรรมการเงินของผู้บริโภค การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลในประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค และภาคธุรกิจที่มองหาวิธีการชำระเงินที่มีความรวดเร็ว ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการคาดการณ์ที่ควรจับตามองหลังจากที่เราได้ก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่แล้ว
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้บริโภค พร้อมกับการผลักดันให้เกิดการขาย และการชำระเงินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
โทเค็น (Token) และEMV® 3-D Secure จะช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และช่วยให้คุณระบุได้ว่าข้อมูลที่ถูกโจรกรรมกำลังถูกใช้อยู่ในระบบหรือไม่ แต่คำถามคือ แล้วมันจะช่วยเราได้อย่างไร
โทเค็น หรือ รหัสแทนการชำระเงิน จะทำให้การทำธุรกรรมผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซและอนนไลน์มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยการแปลงข้อมูลจริงเป็นรหัส โดยจะช่วยให้ธุรกิจของคุณส่งมอบประสบการณ์การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลได้แบบไร้รอยต่อและปลอดภัยยิ่งขึ้น 3-D Secure ยังช่วยให้ร้านค้าสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถาบันการเงินได้แบบเรียลไทม์มากขึ้นถึง 10 เท่า โดยข้อมูลที่มากขึ้นจะช่วยให้ขั้นตอนการตัดสินใจระหว่างทั้งสองฝ่ายฉลาดกว่าเดิม ลดธุรกรรมที่ฉ้อโกง และทำให้การขายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สืบเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความสบายใจที่จะใช้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) ในกิจกรรมประจำวันมากขึ้น ทั้งยังยอมรับให้เทคโนโลยีระบุตัวตนแบบดิจิทัลเข้ามาช่วยให้การชำระเงินผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ IoT อื่น ๆ มีความรวดเร็ว สะดวกสบาย ง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้นนี่เอง การแก้ปัญหาภัยคุกคามจากการฉ้อโกง จึงอาจทำได้โดยการละเว้นการใช้รหัสผ่าน แล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งานที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ การจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือเสียง ซึ่งผู้บริโภคทั่วโลกต้องการความรวดเร็วในขั้นตอนการทำธุรกรรมการเงิน ดังนั้นผู้ค้าและสถาบันการเงินจึงจำเป็นต้องตอบสนองในเรื่องวิธีการชำระเงินที่มีความรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น สิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวีซ่าจึงมองหานวัตกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ ตั้งแต่การพิสูจน์ตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์และการชำระเงินผ่านอุปกรณ์สวมใส่ ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ อย่างแอปพลิเคชันบันทึกบัตรเครดิตดิจิทัล ซึ่งอาจได้เห็นในการแข่งขันกีฬารายการโอลิมปิก 2020 และพาราลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ที่จะถึงนี้
ในปัจจุบัน โซลูชั่นเหล่านี้มีให้บริการแล้ว และสามารถนำมาปรับใช้เพื่อให้การรับชำระเงินในธุรกิจของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังจะสร้างความแตกต่างเหนือผู้เล่นคนอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน
เทคโนโลยีใหม่ๆ ล้วนมาพร้อมกับความท้าทาย เมื่อผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับความรวดเร็วและความสะดวกสบายของการชำระเงินทางดิจิทัล มิจฉาชีพก็มักมองหาโอกาสในความคุ้นเคยนี้เพื่อการฉ้อโกงเช่นกัน ดังนั้น คู่ค้าที่เชื่อถือได้ในด้านความปลอดภัยทางการชำระเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเพื่อมอบบริการที่ดีและปลอดภัยที่สุด
การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย และคาดว่าเราอาจได้เห็นวิธีการำระเงินแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ AI นี้ แต่กระนั้นก็ตามผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ยังต้องอาศัยเวลาเพื่อสร้างการยอมรับและการใช้งานจริงในหมู่ผู้บริโภค ความท้าทายของ AI ในปีหน้าและปีต่อๆ ไป คือการสร้างการรับรู้และการยอมรับที่แพร่หลาย ผ่านความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ไปใช้ในทางที่ถูกต้อง
โดยภาพรวม การชำระเงินอยู่ในช่วงการเติบโต และเป็นส่วนของอุตสาหกรรมที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว สำหรับวีซ่า เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยและความเชื่อมั่น ความรู้เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของลูกค้าของเรา โดยรวมถึงการรับรู้ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการชำระเงินเพื่อให้รู้เท่าทัน และเพื่อป้องกันผู้บริโภค คู่ค้า และพันธมิตรจากการฉ้อโกง โดยวีซ่าเน้นย้ำการสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้า ผู้ค้า และสถาบันการเงินต่าง ๆ ในเครือข่ายของเรา ผ่านการศึกษาและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อคงไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุด
มนุษยชาติ ธุรกิจ และสถาบันต่างๆ จะเจริญก้าวหน้าได้ก็ต่อเมื่ออุปสรรคอยู่ในระดับต่ำ และความเชื่อมั่นอยู่ในระดับสูง การรักษาไว้ซึ่งความเชื่อมั่นนั้นต้องมาควบคู่กับการผลักดันนวัตกรรมให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นไปพร้อมกับการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นเราต้องฉวยโอกาสช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ให้เป็นประโยชน์ และร่วมกันวางรากฐานให้การำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลให้ปลอดภัยสูงสุด
Visa Inc. (NYSE:V) เป็นผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยมากที่สุด ช่วยให้ผู้บริโภค ธุรกิจต่างๆ สถาบันการเงิน และหน่วยงานรัฐมากกว่า 200 ประเทศ สามารถดำเนินการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ VisaNet (วีซ่าเน็ต) ซึ่งเป็นเครือข่ายประมวลผลระดับโลกที่ทันสมัยของเราให้บริการการชำระเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ทั่วโลก และมีความสามารถในการจัดการธุรกรรมมากกว่า 65,000 รายการต่อวินาที ด้วยการป้องกันการฉ้อโกง และให้ความมั่นใจในการชำระเงินกับผู้ค้า วีซ่าไม่ใช่ธนาคารและออกบัตรให้บริการ ขยายสินเชื่อ หรือกำหนดอัตราและค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้า ด้วยนวัตกรรมของบริษัทที่ช่วยให้ลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงินสามารถมอบทางเลือกการให้บริการกับลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น อาทิ การชำระด้วยเดบิต การชำระล่วงหน้าด้วยระบบพรีเพด หรือชำระภายหลังด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด