คุณคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นต่างจากคนทั่วไปยังไง ? แม้ว่าจะไม่มีสูตรตายตัว แต่ผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลกตั้งแต่ Elon Musk, Jeff Bezos และคนอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่มีบุคลิกที่คล้ายกัน ในบทความนี้ Techsauce จึงจะพามาเจาะ 5 บุคลิกสำคัญที่คนประสบความสำเร็จมีกันทุกคน
เส้นทางสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องมีทั้งความตั้งใจ แรงผลักดันและความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งผู้นำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จมักมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกัน แบ่งได้เป็น 5 ลักษณะ มีดังนี้
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นเครื่องนำทางให้เรารู้ว่าต้องพัฒนาอะไร งานวิจัยพบว่ามีธุรกิจ Startup มากถึง 90% ที่ไม่ประสบความสำเร็จ หลายครั้งความคิดเราอาจมีจุดบกพร่อง ผู้คนอาจสิ้นศรัทธาในตัวเรา แต่คนที่อยากประสบความสำเร็จจะไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวมาขวางทาง และเลือกเรียนรู้จากมัน
หนึ่งในนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ก็คือ Jeff Bezos เขาก่อตั้ง Amazon ในปี 1994 ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียงแค่ 30% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเขาพร้อมสู้ต่อ แม้รู้ว่ามันมีโอกาสล้มเหลวถึง 70%
“หากคุณกล้าเดิมพันที่จะลองแม้มีโอกาสล้มเหลวสูง เมื่อคุณประสบความสำเร็จ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะชดเชยความล้มเหลวในครั้งก่อนๆ ของคุณเอง” - Jeff Bezos
จุดแข็งข้อหนึ่งของ Elon Musk คือ เขาตั้งเป้าหมายสูงและทะเยอทะยานเสมอ เช่น การพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวดวงจันทร์ การสร้างอุโมงค์ใต้ดินหนีรถติด ไปจนถึงการเชื่อมสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าเกิดขึ้นได้ยากมากแต่เขายังเชื่อมั่นว่าสักวันตนเองจะทำสำเร็จได้ และในปัจจุบันก็มีหลายอย่างที่สำเร็จแล้ว
อีกหนึ่งคนคือ Oprah WInfrey ผู้เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นผู้ประกาศข่าว จนก้าวมาสู่ตำแหน่งผู้มีอิทธิพลอันดับต้นในวงการสื่อ เพราะเธอไม่ได้จำกัดเป้าหมายของตนเองเพียงแค่แวดวงนักข่าวเท่านั้น ตัวเธอได้ขยายเนื้องานไปทั้งภาพยนตร์ พอดแคสต์ และเว็บไซต์ รวมถึงรายการ Talk Show ชื่อดังอย่าง The Oprah Winfrey Show ที่มีเรตติ้งสูงสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา
การตั้งเป้าหมายสูง และพยายามทำมันให้สำเร็จ จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับการบรรลุความพึงพอใจของมนุษย์ (Attaining Satisfaction) ด้วยการทดสอบคน 2 กลุ่ม
โดยให้กลุ่มแรกตั้งเป้าหมายไว้สูง และอีกกลุ่มตั้งเป้าหมายแค่พอตัว หลังจากทั้ง 2 กลุ่มบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นักวิจัยพบว่า คนในกลุ่มแรกมีแนวโน้มที่จะรู้สึกพึงพอใจมากกว่าอีกกลุ่ม ทั้งที่ทั้ง 2 กลุ่มก็บรรลุเป้าหมายเหมือนกัน นั่นหมายความว่า ‘ระดับความยากของเป้าหมาย’ มีผลต่อระดับความพึงพอใจและความสุข
การเป็นผู้นำที่ดีไม่ใช่แค่ปฏิบัติตามกฏอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือความสามารถในการเชื่อมโยงผู้คน กรณีของ Susan Wojcicki ที่เคยดำรงตำแหน่ง CEO ของ YouTube เล่าว่า พนักงานของ Google เคยเขียนจดหมายวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามของบริษัทที่จะสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในสำนักงาน
โดยปกติถ้าระดับ CEO ทั่วไปมักจะออกจดหมาย หรือแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ Wojcicki เลือกที่จะยกประสบการณ์ส่วนตัวของตนเองขึ้นมาอธิบายถึงความจำเป็นที่เราต้องสนับสนุนความหลากหลาย
เช่น เธอพูดถึงช่วงเวลาที่เธอรู้สึกเหมือนคนอื่นไม่เชื่อในความสามารถของเธอในการทำงาน หรือเมื่อเธอถูกละทิ้งจากการประชุมสำคัญ เพราะเธอเป็นผู้หญิง
หลังจากนั้นจึงชี้ถึงความสำคัญว่าพนักงานผู้หญิงในบริษัทไม่ควรต้องมาเจอเหตุการณ์แบบเธอ และนั่นคือเหตุผลที่บริษัทต้องสนับสนุนเรื่องนี้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการอ้างเหตุผลจากประสบการณ์มาชี้นำจะเพิ่มความน่าเชื่อถือและสามารถเชื่อมโยงผู้คนได้ เพราะผู้นำที่ดีจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ไม้แข็ง และเมื่อไหร่ควรเข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของผู้คน
ช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด หรือ ‘aha moment’ เกิดขึ้นเมื่อเราค้นพบสิ่งใหม่หรือนึกอะไรสักอย่างออก
ผู้นำระดับโลกหลายคน พวกเขาปล่อยให้สิ่งต่างๆ ไหลเข้าออกสมองอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ยึดติดกับเวลาและแหล่งที่มามากเกินไป หากมีกิจกรรม สถานที่ หรือช่วงเวลาใดที่รู้สึกผ่อนคลายที่สุด จงเปิดใจกับมันแล้วปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์จุดประกายออกมาเอง
Claudis Kalb นักเขียนหนังสือขายดีเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ กล่าวไว้ใน งานศึกษาเกี่ยวกับสมองและกระบวนการคิดภายใน ว่า สมองของเรายังคงจัดการกับปัญหาแม้ว่าเราจะไม่ได้คิดถึงปัญหาเหล่านั้นก็ตาม
“บางครั้งไอเดียที่ดีที่สุดก็เกิดขึ้นเมื่อเราไม่พยายามคิดถึงมัน” - Claudis Kalb
เหมือนอย่าง Elon Musk ที่บอกว่าไอเดียที่ดีที่สุดมักเกิดขึ้นตอนที่อาบน้ำ รวมถึง CEO ของบริษัทระดับโลกมากมายทั้ง LinkedIn, Facebook and Google มีการจัดประชุมด้วยการเดินเท้า (การยืนหรือเดิน) เพราะเชื่อว่ามันคือเวลาที่คนมีสมาธิสามารถสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
คนที่ประสบความสำเร็จจะคิดไอเดียใหม่ๆ ที่แตกต่าง แทนที่จะยึดติดกับสิ่งที่คนอื่นทำ เช่น Katrina Lake CEO ของ Stitch Fix ผู้ให้บริการจัดแต่งสไตลิสต์ออนไลน์ที่ผสมระหว่างเทคโนโลยี และ Data เธอใช้ AI หาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท และก็ได้ผลมาก ๆ
แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่า ‘การคิดนอกกรอบ มองให้ไกลกว่าที่เห็น’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการมีวิสัยทัศน์นั้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อยืนอยู่ในฐานะผู้นำและผู้บริหาร แต่ความจริงแล้วทักษะแบบนี้เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม
คุณอาจจะเริ่มต้นจากการคิดและเสนอแนวทางแก้ปัญหาภายในทีม และพยายามฝึกฝนการคิดนอกกรอบเป็นประจำ เพราะยิ่งคุณออกกำลังกายสมองให้คิดมากเท่าไร สมองก็จะยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายแล้วคุณก็จะมีทักษะการคิดแบบนี้ติดตัวไปเอง
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด