หัวหน้าที่ดีจัดการตัวเองยังไง? รู้จัก ‘7 นิสัยเพิ่มผลิตภาพ’ ป้องกันนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง

ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็วและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การบริหารจัดการเวลาและพลังงานถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของหัวหน้า แต่ไม่ว่าคุณจะมีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน ‘การผลัดวันประกันพรุ่ง’ ก็เปรียบเสมือน ‘บั๊ก’ ร้ายแรงที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงระบบการทำงานของคุณได้ทุกเมื่อ แม้แต่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จที่สุดก็ยังต้องต่อสู้กับมันอย่างต่อเนื่อง แต่ความแตกต่างอยู่ที่พวกเขามีกลยุทธ์และนิสัยที่ทรงพลังในการรับมือ

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 7 นิสัยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity Habits) ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้คุณควบคุมเวลาและเอาชนะแรงเฉื่อยในการทำงานได้อย่างเด็ดขาด

กำจัดสิ่งล่อใจให้สิ้นซาก

จุดเริ่มต้นที่ง่ายแต่ทรงพลังที่สุดคือการควบคุมสภาพแวดล้อมของคุณ เมื่อคุณต้องเผชิญกับงานที่ไม่น่าอภิรมย์ สมองของคุณจะมองหาสิ่งบันเทิงเพื่อหลีกหนีโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการไถฟีดโซเชียลมีเดีย, การเช็กอีเมลทุกๆ 5 นาที, หรือการหลุดเข้าไปในวังวนของอินเทอร์เน็ตอย่างไร้จุดหมาย (Internet Rabbit Holes)

ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะสร้างเกราะป้องกันสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง ลองใช้เครื่องมือง่ายๆ เช่น

  • ติดตั้งส่วนขยายหรือแอปฯ ที่ช่วยบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์โซเชียลมีเดียหรือข่าวสารในช่วงเวลาทำงานที่คุณกำหนดไว้
  • ปิด Notification ที่ไม่จำเป็นทั้งหมดบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน เหลือไว้เฉพาะช่องทางการสื่อสารที่สำคัญจริงๆ
  • ตั้งกฎเหล็กว่า "งานไม่เสร็จ ห้ามเล่น" เพื่อสร้างวินัยและเปลี่ยนความสนุกให้เป็นรางวัลหลังการทำงานสำเร็จ

แบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ

หนึ่งในสาเหตุหลักของการผัดวันประกันพรุ่งคือความรู้สึก "ท่วมท้น" (Overwhelmed) เมื่อเจอกับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัวและซับซ้อน ทักษะสำคัญของผู้นำคือการสลายความน่ากลัวนั้นด้วยการ "ซอยงาน" ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ที่จัดการได้ง่าย

แทนที่จะมองว่าต้อง "สร้างแคมเปญการตลาดทั้งหมด" ให้แบ่งเป็น "วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย", "คิด Key Message", "ออกแบบ Artwork 3 ชิ้น", "เขียนแคปชั่นสำหรับ Facebook" เป็นต้น พร้อมทั้งกำหนดเดดไลน์ย่อยๆ (Artificial Deadlines) ให้กับแต่ละชิ้นงาน วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้งานดูน่ากลัวน้อยลง แต่ยังสร้างความรู้สึกถึงความก้าวหน้า (Sense of Progress) เล็กๆ น้อยๆ ตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการทำงานต่อไป

รู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูดว่า "นี่ไม่ใช่งานของฉัน" 

ภาวะผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่การเป็น "ซูเปอร์แมน" ที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่คือการรู้จักใช้ทรัพยากรบุคคลให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากคุณมีทีม จงเชื่อมั่นและมอบหมายงานที่พวกเขาสามารถทำได้ดีเท่ากันหรือดีกว่าให้พวกเขาจัดการ นี่คือโอกาสทองในการเพิ่มเวลาของคุณสำหรับงานเชิงกลยุทธ์ที่ต้องการการตัดสินใจจากคุณโดยตรง

แนวคิดนี้ยังรวมไปถึงเครือข่ายนอกองค์กรด้วย หากคุณไม่ถนัดด้านการออกแบบ ก็จงหาฟรีแลนซ์หรือพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญ การรู้จักปฏิเสธและมอบหมายงานอย่างชาญฉลาดคือกลยุทธ์การบริหารเวลาที่ดีที่สุด

จัดตารางเวลาพักและรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด 

การทำงานแบบมาราธอนโดยไม่หยุดพักคือสูตรสำเร็จของภาวะหมดไฟ (Burnout) และประสิทธิภาพที่ดิ่งลงเหว หากคุณทำงานจนถึงจุดที่รู้สึกว่า "ไม่ไหวแล้ว" คุณจะไม่มีวันได้รับความพึงพอใจจากงานที่ทำเลย

ผู้นำที่ชาญฉลาดจะออกแบบการพักผ่อนเข้าไปในตารางการทำงานของพวกเขา ลองใช้เทคนิค Pomodoro (ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที) หรือตั้งกฎให้ตัวเองว่าทุกๆ 90 นาทีของการทำงานอย่างเข้มข้น จะต้องมีการพัก 15 นาที การมีช่วงเวลาพักให้ตั้งตารอ จะเป็นทั้งเป้าหมายระยะสั้นที่ทำให้คุณมีแรงฮึด และเป็นจุดหยุดที่ช่วยรักษาสมดุลในระยะยาว

อย่าเป็น Multitasker 

การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) อาจดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคนทำงานเก่งและยุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันมักเป็นสัญญาณของการหลีกเลี่ยงงานที่สำคัญที่สุดตรงหน้า การสลับความสนใจไปมาระหว่างงานหลายๆ ชิ้น จะทำให้สมองเกิด "ค่าใช้จ่ายในการสับเปลี่ยนบริบท" (Context Switching Cost) ซึ่งส่งผลให้คุณภาพงานโดยรวมลดลงและเสี่ยงต่อความผิดพลาดมากขึ้น

จงฝึกฝนการทำงานทีละอย่าง (Single-tasking) ให้เชี่ยวชาญ ทำงานชิ้นแรกให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจะเริ่มงานชิ้นต่อไป แล้วคุณจะพบว่ารายการสิ่งที่ต้องทำ (To-do List) ของคุณจะสั้นลงอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ

จำกัดเวลาในการจัดการอีเมล 

การเปิดหน้าต่างอีเมลทิ้งไว้และคอยเช็กทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือน คือการทำลายสมาธิ (Flow State) ของคุณโดยตรง ทำให้คุณไม่สามารถจดจ่อกับงานที่ซับซ้อนได้นานพอ แทนที่จะตอบสนองต่ออีเมลทันทีที่เข้ามา ให้เปลี่ยนเป็นการจัดการเป็นรอบๆ (Batch Processing) โดยจัดสรรเวลาที่แน่นอนในแต่ละวัน เช่น 30-90 นาที สำหรับการเคลียร์อีเมลโดยเฉพาะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณควบคุมอีเมลได้ แทนที่จะให้อีเมลควบคุมวันทำงานของคุณ

กำหนดความคาดหวังที่ชัดเจน

สาเหตุลึกๆ ของการผัดวันประกันพรุ่งมักมาจากความไม่ชัดเจน เรามักจะพูดกับตัวเองว่า "อยากจะเขียนรายงานให้เสร็จ" ซึ่งเป็นเป้าหมายที่คลุมเครือและปลายเปิดเกินไป ทำให้เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหนและจบลงเมื่อไหร่

เปลี่ยนเป้าหมายที่ไม่มีตัวตนให้เป็นรูปธรรมและวัดผลได้เสมอ แทนที่จะพูดว่า "ทำให้เสร็จ" ให้ระบุให้ชัดเจนว่า "เขียนบทความนี้ให้จบส่วนบทนำ ความยาว 500 คำ", "ทำรีพอร์ตยอดขายไตรมาส 3 ให้เสร็จสิ้น" หรือ "จัดการประชุมเพื่อตัดสินใจเรื่องโปรเจกต์ A ให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 ชั่วโมง" ความชัดเจนคือยาถอนพิษการผัดวันประกันพรุ่งที่ดีที่สุด

ที่มา: Inc.com 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ถอดบทเรียนจากสัตว์สู่มนุษย์ 4 วิธี ‘กึ่งจำศีล’ ฉบับคนทำงาน เพื่อหนีความรู้สึก Burnout ช่วงปลายปี

วิทยาศาสตร์ยืนยัน ความขี้เกียจหน้าหนาวคือเรื่องปกติ! เจาะลึก Neuroscience เบื้องหลังการ 'จำศีล' ของมนุษย์ พร้อมวิธีพักผ่อนแบบ Wintering เพื่อกู้คืนสมองและเพิ่ม Productivity รับปีให...

Responsive image

ทางรอดใหม่ในตลาดงาน 2025 ทำไม Apprenticeships หรือการฝึกทักษะวิชาชีพ ถึงกำลังมาแรงแซงใบปริญญา

ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยน ใบปริญญาไม่ใช่คำตอบเดียว คนรุ่นใหม่จำนวนมากทิ้งงานออฟฟิศ หันเรียนทักษะอาชีพเพื่อความมั่นคงระยะยาว...

Responsive image

ตอบคำถามสัมภาษณ์งานปราบเซียน ช่วยแนะนำตัวหน่อย อย่างไรให้ชนะใจ HR ด้วยสูตร 3 ขั้นตอน

เจาะลึกสูตร Present-Past-Future จากโค้ชอาชีพชื่อดัง เผยวิธีตอบคำถาม “ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อย” ในการสัมภาษณ์งาน ให้ดูโปร มีทิศทาง และสร้างความประทับใจตั้งแต่นาทีแรก...