กลายเป็นที่ให้ความสนใจอีกครั้งสำหรับสปายแวร์เพกาซัส (Pegasus) เครื่องมือที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทยใช้จับตานักการเมืองและนักกิจกรรมไทยหลายคน จากกรณีโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือกลุ่มไอลอว์ (iLaw) เปิดเผยรายงาน "ปรสิตติดโทรศัพท์: ปฏิบัติการสอดส่องผู้เห็นต่างด้วยสปายแวร์เพกาซัสในประเทศไทย" พบการคุกคามนักวิชาการ นักกิจกรรมการเมือง และกลุ่มเอ็นจีโอของไทยไม่น้อยกว่า 30 คน ผ่านการสปายแวร์เพกาซัส สอดแนมข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อของสปายแวร์เพกาซัสได้รับการกล่าวถึง ก่อนหน้านี้เมื่อกรกฎาคม 2021 กลุ่มForbidden Stories องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรได้เปิดเผยผลการสอบสวนที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกว่า บริษัท เทคโนโลยีเอ็นเอสโอ (NSO Group Technologies) สัญชาติอิสราเอล ซึ่งเป็นบริษัทผู้คิดค้นและพัฒนาสปายแวร์ดังกล่าว ได้ขายสปายแวร์นี้ให้กับรัฐบาลหลายประเทศ เพื่อใช้สอดส่องและล้วงข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม สื่อมวลชน หรือฝ่ายที่อยู่ขั้วตรงข้ามรัฐบาล
สำหรับประวัติของ NSO Group Technologies ก่อตั้งขึ้นเมื่อมิถุนายน 2009 ก่อตั้งโดยนาย Omri Lavie, Shalev Hulio และ Niv Karmi ชื่อของบริษัท NSO ย่อมาจากชื่อของอักษรตัวแรกจากชื่อผู้ก่อตั้งทั้งสาม อย่างไรก็ตามนาย Niv Karmi หนึ่งในผู้ก่อตั้งได้ขอถอนตัวจากบริษัทได้เพียงหนึ่งเดือนหลังก่อตั้ง
ข้อมูลจากเว็บไซต์ไซเบอร์แมกกาซีนชี้ว่า หนึ่งผู้ก่อตั้ง NSO Group นั้นเคยเป็นอดีตสมาชิกของ "Unit 8200" ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านข่าวกรองไซเบอร์ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหมอิสราเอล แรกเริ่มบริษัทถูกจัดตั้งในลักษณะสตาร์ทอัพที่มีผู้ร่วมลงทุนหลายส่วน นำโดยนาย Eddy Shalev เจ้าของบริษัท Genesis Partners กลุ่มบริษัทจัดการลงทุนสัญชาติอิสราเอล เป็นนักลงทุนรายใหญ่มูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมถือหุ้นใน NSO ราว 30%
ข้อมูลการจดทะเบียนของ NSO ระบุว่าเป็น 'บริษัทเอกชน' ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบป้องกันความปลอดภัยสำหรับราชการ และหน่วยงานรัฐบาล กระทั่งปี 2012 บริษัทเผชิญคดีฟ้องร้องและข้อกล่าวหามากมาย จากการที่ถูกหน่วยงานนานาชาติตรวจพบว่าบริษัทได้ขายซอฟต์แวร์ให้กับรัฐบาลหลายชาติ สำหรับใช้มุ่งเป้าฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และนักข่าว จากรายงานของนิวยอร์กไทมส์ พบว่าในปี 2012 บริษัท NSO ได้ลงนามร่วมกับรัฐบาลเม็กซิโก มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้จับตานักข่าวและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศ
เช่นเดียวกับปี 2015 บริษัทได้ 'ให้บริการ' เทคโนโลยีสอดแนมแก่รัฐบาลปานามา ซึ่งต่อมาสัญญาดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นให้จุดชนวนสอบสวนกรณีทุจริตของรัฐบาลปานามา หลังบริษัทของอิตาลีออกมาแฉข้อมูล
ในปี 2014 Francisco Partners บริษัทไพรเวทอิควิตี้สัญชาติอเมริกัน ได้เทคโอเวอร์บริษัทนี้ในราคา 130 ล้านดอลลาร์ กระทั่งเดือนมิถุนายน 2017 Francisco Partners สามารถขาย NSO ได้ในมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ Francisco Partners เคยซื้อเมื่อปี 4 ปีก่อนถึง 10 เท่า ขณะที่ในเวลานั้นบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดมีพนักงานมากว่า 500 คน เพิ่มขึ้น 50 คนจากช่วงที่เข้าซื้อเมื่อปี 2014 ปัจจุบันคาดว่า NSO มีพนักงานอยู่ในองค์กรไม่น้อยกว่า 750 คน
ปี 2018 NSO Group ถูกระบุถึงในรายงานละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล โดยแอมเนสตี้ชี้ว่า NSO ได้ให้ความช่วยเหลือรัฐบาลซาอุดิอาระเบียในการสอดแนมนักเคลื่อนไหวขั้วตรงข้ามรัฐบาลริยาด สอดคล้องกับรายงานของ Citizen Lab ที่เผยเมื่อเดือนตุลาคม 2018 ว่า หนึ่งในนักวิจัยของพวกเขาถูกตกเป็นเป้าจับตามองที่เชื่อมโยงกับบริษัทซอฟต์แวร์อิสราเอล ในปีเดียวกันนี้ ได้เกิดกรณีอื้อฉาวสะเทือนโลก จากการที่นายคามัล คาช็อกกี คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ หายตัวหลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในประเทศตุรกี ก่อนจะพบว่านายคาช็อกกีถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
รายงานข่าวเชิงสืบสวนจากสื่อหลายสำนัก นอกจากมุ่งประเด็นว่าการตายของนายคาช็อกกีจะถูกบงการโดยคนระดับสูงของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเท่านั้น แต่หลายแห่งยังชี้ตรงกันว่า รัฐบาลซาอุฯ ได้ใช้เครื่องมือสอดแนมบางอย่างจากบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอิสราเอลในการแกะรอยและดักฟังนายคาช็อกกี ในปีเดียวกันนั้นยังมีรายงานที่ NSO ถูกแฉว่าได้แอบแฝงสปายแวร์ดักฟังในระบบปฏิบัติการดังอย่าง ios ของแอปเปิ้ล และกรณีของแอปพลิเคชั่น WhattsApp
ในรายงานข่าวของเดอะนิวยอร์กไทม์สชี้ว่า NSO Group มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอิสราเอลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ 'สปายแวร์ เพกาซัส' ที่ถูกจัดเป็นเครื่องมือสอดแนมทางการทหาร และมีรัฐบาลอิสราเอลทำหน้าที่เสมือน 'เซลล์แมน' ขายสปายแวร์นี้ให้กับรัฐบาลต่างชาติ ตอนหนึ่งของรายงานในนิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า
อย่างไรก็ตามในเดือนพฤศจิกายน 2021 NSO ได้ออกแถลงการล่าสุดที่ตอบโต้กรณีอื้อฉาวที่สืบเนื่องจากการถูกฟ้องร้องจากบริษัทเทคในสหรัฐฯว่า "กลุ่ม NSO รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจดังกล่าว เนื่องจากเทคโนโลยีของเราสนับสนุนผลประโยชน์และนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยป้องกันการก่อการร้ายและอาชญากรรม เราตั้งตารอที่จะ นำเสนอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีการที่เรามีโปรแกรมการปฏิบัติตามกฎระเบียบและสิทธิมนุษยชนที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยยึดตามค่านิยมอเมริกาที่เราแบ่งปันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งส่งผลให้มีการยุติการติดต่อหลายครั้งกับหน่วยงานของรัฐที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในทางที่ผิด"
ทั้งนี้ จากการจัดอันดับบริษัทเทคโนโลยีที่น่าทำงานที่สุดของอิสราเอล โดย Dun & Bradstreet (Israel) จัดให้ NSO Group อยู่ในอันดับที่ 14 จากทั้งหมด50 บริษัทเทคโนโลยีชั้นสูงที่ดีที่สุดที่น่าทำงานด้วยในอิสราเอลในปี 2020
ที่มา:
https://cybermagazine.com/cyber-security/who-are-nso-group-company-being-sued-apple
https://moroccolatestnews.com/pegasus-who-is-shalev-hulio-boss-of-nso/
https://www.nytimes.com/2022/03/23/us/politics/pegasus-israel-ukraine-russia.html
https://www.nsogroup.com/about-us/
https://www.aljazeera.com/news/2022/2/8/what-you-need-to-know-about-israeli-spyware-pegasus
https://www.timesofisrael.com/ceo-of-notorious-spyware-firm-nso-group-will-reportedly-step-aside/
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด