ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตลาดเทรดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีดูเหมือนจะมีความผันผวนไม่แพ้กับสภาวะเศรษฐกิจโลก ทว่าหากย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2021 ถึงต้นปีนี้ ราคาเหรียญคริปโตดูเหมือนมีแนวโน้มสดในเนื่องจากที่เหรียญคริปโตหลายชนิดทุบสถิติมูลค่าพุ่งสูงสุด อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงไม่นานตลาดเทรดเหรียญก็เริ่มผันผวน ประกอบภาวะเงินเฟ้อ และตลาดการเงินกระแสหลักทั่วโลก ราคาเหรียญคริปโตที่เคยพุ่งแตะระดับสูงสุด กลับทยอยดิ่งลงจนมูลค่าหายไปไม่น้อย อย่างไรก็ตามท่ามกลางกระแสความนิยมในการเทรดเหรียญที่ผุดขึ้น ดูเหมือนมีเสียงเตือนอยู่เนื่องๆ จากบรรดามหาเศรษฐีโลกจำนวนไม่น้อยที่ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่างไปจนคัดค้านการเทรดเงินสกุลดิจิทัลอยู่ไม่น้อย
ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) รองประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Bergshire Hathaway นักลงทุนระดับตำนานคู่หู่ปู่วอเรน บัพเฟตต์ เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ออกมาวิจารณ์กระแสความนิยมในการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยมังเกอร์ให้ความเห็นว่า เงินคริปโตขยะแขยงไม่ต่างจากฝาท่อน้ำทิ้ง ทั้งยังเป็นสิ่งบ่อนทำลายเงินสกุลอื่นของโลก พร้อมย้ำว่าเงินคริปโตเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายเงินสกุลหลักชนิดอื่นของโลก ไม่เพียงแค่วิจารณ์เงินคริปโตเท่านั้น แต่ปู่ชาร์ลียังเย้ยหยั่นกลุ่มคนที่สร้างแพลตฟอร์มเทรดเหรียญว่า เป็นชุมชนของกลุ่มคนชั่วที่สร้างเรื่องราวหลอกขายเหรียญที่ไร้มูลค่าเหล่านี้
ในการให้สัมภาษณ์ต่อ Australian Financial Review ปู่มังเกอร์เปรียบเปรยว่า การลงทุนเทรดคริปโตเสมือนเป็นอุปทานหมู่ล่อแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เป็นการลงทุนปลอมๆ คนที่คิดลงทุนด้านหนี้เป็นคนขาดสติ (คริปโต) มันไม่ได้มีมูลค่า เป็นเพียงการฟอกเงินเท่านั้น แถมยังทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย
ขณะที่คู่หูนักลงทุนอย่างปู่ วอเรน บัพเฟตต์ ก็เคยกล่าวไว้หลายครั้งหลายคราเกี่ยวกับทัศนะมุมมองของเขาที่มีต่อเงินคริปโตฯ โดยเมื่อเดือนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปู่บัพเฟตต์เคยกล่าวว่า เขาไม่คิดจะลงทุนในตลาดคริปโตเนื่องจากมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไม่น่าลงทุน ไม่สามารถใช้แทนเงินสดได้ ในมุมมองของบัพเฟต์ มองว่า เงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ออกดอกผลอะไรเลย ส่วนตัวเขาชอบลงทุนหุ้นในบริษัทที่มีมูลค่าและกระแสเงินสดจากการเพิ่มมูลค่าของสิ่งของนั้นขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินคริปโตไม่มี
"หากคุณบอกกับผมว่า หากคุณเป็นเจ้าของเหรียญบิตคอยน์ทั้งหมด แล้วมาขายผมในราคาแสนถูกเพียง 25 ดอลลาร์ ผมก็ไม่ซื้อ ... บิตคอยน์นั้นไร้ค่า แต่อ้างว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์"
บัพเฟตต์กล่าวเปรียบเทียบสถานการณ์เทรดเหรียญว่ามันไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากมาย แค่ไม่ต่างอะไรกับแชร์ลูกโซ่ที่ราคาสูงขึ้นเพราะการเก็งกำไรของนักลงทุน
อีกหนึ่งมหาเศรษฐีแถวหน้าของโลกที่มีมุมมองไม่เห็นด้วยกับการเทรดเงินคริปโตฯ คือ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีเจ้าพ่อไมโครซอฟต์ ซึ่งเคยกล่าวเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า เขาไม่สนใจที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมกับกล่าวโจมตีคริปโทเคอร์เรนซี และ NFT (Non-Fungible Tokens) ว่า เป็นสิ่งหลอกลวงบนพื้นฐานอันโง่เขลา
"ภาพ NFT ที่มีราคาแพงนั้นจะช่วยทำให้โลกดีขึ้นได้อย่างมาก" เกตส์กล่าวเหน็บแนมในการประชุมโลกร้อนซึ่งจัดขึ้นโดยเทคครันช์ (TechCrunch) ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งเกตส์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Breakthrough Energy Ventures โดยเขากล่าวถึงความยากลำบากของการค้นหาวิศวกรในซิลิคอนแวลลีย์เพื่อให้เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และการผลิตเหล็ก ซึ่งเป็นภาคส่วนที่จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ เกตส์ยังกล่าวปกป้องความพยายามในการจัดตั้งธนาคารดิจิทัลซึ่งเขาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนผ่านทางมูลนิธิเพื่อการกุศลต่าง ๆ ของเขา โดยเขาอธิบายว่า ธนาคารดิจิทัลยังมีประโยชน์และประสิทธิภาพมากกว่าคริปโทเคอร์เรนซีหลายร้อยเท่า สำหรับเกตส์ ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิจารณ์คริปโตเคอร์เรนซีมาโดยตลอด ทั้งยังเคยโต้เถียงกับอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลาเกี่ยวกับคำถามที่ว่า บิตคอยน์มีความเสี่ยงมากเกินไปสำหรับนักลงทุนรายย่อย และการขุดเหมืองบิตคอยน์สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งล่าสุด รายงานข่าวระบุว่า บริษัทเทสลาของนายมัสก์ ได้ตัดสินใจเทขายบิตคอยน์ที่ถือครองไว้ถึง 75% หลังกระแสเงินสดสะดุด
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด