ความรักเป็นเรื่องยากครับ
เชื่อว่าใครที่เคยมีแฟน ก็คงเห็นด้วยกับประโยคข้างต้น
ส่วนตัว ผมอยากจะมีชีวิตรักที่ดี ไม่ toxic (ไม่ทะเลาะงี่เง่า ไม่ดราม่า ไม่ด่ากัน)
เราพยายามอ่านหนังสือ เรียนรู้เทคนิค งานวิจัยเกี่ยวกับชีวิตคู่ และทดลองใช้จริง
ในเดือนแห่งความรักเช่นนี้ ผมเลยอยากมาแชร์หนึ่งในเคล็ดลับ (สำหรับสาย Tech) ที่เราไปลองมาแล้ว และพบว่ามันช่วยทำให้เรารักกันมากขึ้น และลดโอกาสทะเลาะได้ดี
และนั่นคือ การใช้แอปพลิเคชั่น สำหรับ Feedback loop ภายในคู่ครับ
ก่อนอื่น ผมอยากให้ทุกคนอยู่บนหลักการเดียวกันก่อน นั่นคือ “การสื่อสารกันระหว่างคู่รักเป็นเรื่องจำเป็น เรียกว่าเป็นรากฐานความสัมพันธ์กันเลยทีเดียว”
ในหนังสือ 30 Lessons for Loving ที่สัมภาษณ์คู่แต่งงานที่อยู่กินกันจนแก่เฒ่า 650 คู่ ผู้เขียน ถอดบทเรียนได้ว่า การสื่อสารเพื่อปรับความเข้าใจเป็นเคล็ดลับสำคัญของพวกเขาเหล่านั้น
ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ แต่ไม่ feedback แล้วเก็บเอาไว้ สุดท้ายมันก็จะเป็นระเบิดเวลาที่รอวันทำลายความสัมพันธ์
คู่รักจะไปด้วยกันได้ไกล มันต้องสื่อสารกันเยอะๆ ปรับตัวกันไปว่าใครชอบหรือไม่ชอบอะไร
ทีนี้ โจทย์แรกที่ต้องจัดการให้ได้ก่อนคือ การสร้าง Feedback loop ระหว่างคู่รักให้เป็นเรื่องปกติ หลายคู่รักไม่ชอบการเผชิญหน้าตรงๆ เพราะกลัวการทะเลาะ (เช่น ถ้าไปบอกแฟนว่า ช่วยมาให้ตรงเวลาหน่อย เขาอาจจะงอนได้)
การทำให้ Feedback loop เป็นเรื่องปลอดภัยสำหรับทุกคน และคุยกันได้ปกติ โดยไม่ต้องจบที่การทะเลาะกันนั้น ต้องใช้ Commitment จากทั้งสองฝ่ายที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อความรักอยู่เสมอ
เราควรระวังคนที่ไม่รับ Feedback อีโก้ใหญ่ค้ำฟ้า เพราะมันเป็นสัญญาณแห่งความล้มเหลวของชีวิตคู่ ตามงานวิจัยของ John Gottman เลยทีเดียว
โอเค สมมติว่า เรามี Feedback loop อย่างปลอดภัยได้แล้ว ไงต่อ?
สเต็ปต่อมา คือการ track feedback เอาไว้ด้วย
ในโลกธุรกิจ เราจริงจังเรื่องการ tracking ทุกอย่าง (KPI, อัตราการลาออก, ความสุขของพนักงาน) เพราะเรารู้ว่ามันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นได้
แล้วเหตุผลอันใดที่เราจะไม่ track ความรักล่ะ?
“You can’t manage what you can’t measure” — Peter Drucker
ผมซึ่งฝึกเขียนแอปพลิเคชั่นบน AppSheet อยู่พอดี ก็เลยเกิดไอเดียแหวกแนวในการจด Feedback loop คู่รัก บนแอปซะเลย
ทุกสัปดาห์ เราทั้งสองคนจะเข้าไปกรอกข้อมูลว่า
หลังจากนั้น เราก็เอาคะแนนความรักมาสร้างเป็นกราฟ
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจรู้สึกว่า บ้าไปแล้ว! ทำไมต้องทำให้เรื่องโรแมนติกกลายเป็น data จริงจัง
หลายคนชอบคาดหวังให้อีกฝ่าย เดาความคิดของเราถูก โดยที่เราไม่ต้องพูดตรงๆ แล้วเรียกว่านั่นคือความโรแมนติก
สำหรับพวกเราแล้ว ความโรแมนติกคือการที่เรารักกันได้มากขึ้น ไม่ต้องทะเลาะหยุมหยิม สบายใจที่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ต้องมัวมานั่งอ่านใจกันแบบผิดๆ
“Who has the data has the power” — Tim O’Reilly
นั่นเอง เราจึงมองว่า Data สามารถช่วยให้ชีวิตรักโรแมนติกขึ้นไปอีก
เอาเข้าจริง มันมีไม่กี่เรื่องที่คู่รักชอบทะเลาะกัน และมันมักเกิดขึ้นซ้ำๆ
ตัวอย่างจริงคือ คู่เรามักทะเลาะกันเรื่อง การเรียนต่อ, ไม่ได้เจอหน้ากันนาน, ทำอย่างอื่นไปด้วยระหว่างคุยกัน เป็นต้น
ที่ผมตอบได้ว่า คู่เรามักทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะทุกครั้งที่กราฟความรักของเราลดลง เราก็จะมองเห็น pattern ของ keyword ที่เราใช้กันบ่อยๆ
ถ้าสัปดาห์ไหน อีกฝ่ายให้คะแนนเยอะ พร้อมบอกเหตุผล คุณก็จะได้ positive feedback กลับมา ว่าควรจะต้องรักษาพฤติกรรมอะไรเอาไว้ แล้วทำมันต่อไป
และหลายครั้ง constructive feedback ที่เราพิมพ์ให้กัน มันก็เป็นเรื่องเล็กๆ ให้เราพัฒนาตัวเองได้ด้วย เช่น
“อยากให้ enjoy กับเรื่องไร้สาระมากขึ้น”
“อยากไปหาอะไรตื่นเต้นสนุกทำด้วยกัน”
เมื่อไหร่ที่คะแนนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดลง ก็เตรียมตัวอ่าน feedback จากอีกฝ่าย และปรับปรุงตัวได้เลย
การทำแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของระเบิดเวลาลูกใหญ่ และลดการทะเลาะที่ไม่จำเป็นได้ด้วย
อันที่จริงในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าเราสามารถเอาข้อมูลอย่าง เวลาที่อยู่ด้วยกัน, จำนวนการแชท, Sex, รอบประจำเดือน, การนอนหลับ มายำรวมกัน เราอาจจะ predict การทะเลาะได้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ
ขอให้ทุกท่านมีความรักที่ดี <3
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด