หลายคนอาจเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก แต่มาร์ค แรนดัลฟ์ (Marc Randolph) Co-founder Netflix กลับมองต่างเขามองว่าการทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จเป็นเรื่องหลอกลวง และมองว่าการทำงานหนักเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้บริษัทประสบความสำเร็จหรือทำให้บริษัทมีชื่อเสียงได้ แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้คือ “การรู้จักจัดลำดับความสำคัญและการได้รับ Feedback อย่างรวดเร็ว”

“ไม่จริงหรอก..ที่ทำงานหนักแล้วสำเร็จ คุณแค่ต้องมุ่งแก้ปัญหาให้ถูกจุด โดยไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง” Mark Randolph กล่าว 

มาร์ค แรนดัลฟ์ เล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาเคยให้ความสำคัญกับการทำให้ทุกอย่างก่อนที่จะนำเสนอลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเนื้อหาหรือรูปภาพที่จะปล่อยออกมา แต่หลังจากเวลาผ่านไป เขาได้เรียนรู้ว่าการปรับปรุงเล็กน้อยนั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้รับคำติชมจากผู้ใช้งานจริง “เพราะไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบก็ได้”

หนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่แสดงถึงการจัดลำดับความสำคัญได้ดี คือการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจของ Netflix ที่เคยให้ลูกค้าเช่าดีวีดีและต้องเสียค่าปรับหากคืนช้า มาร์คและทีมได้พบว่า นี่เป็นปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกและกังวล การเปลี่ยนไปใช้โมเดลการสมัครสมาชิกรายเดือนที่ไม่ต้องจ่ายค่าปรับ ทำให้ลูกค้าชื่นชอบเพราะใช้งานง่าย และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคืนดีวีดีล่าช้า ส่งผลให้ Netflix เติบโตอย่างรวดเร็ว

ทำงานหนักไม่การันตีความสำเร็จ ?

แม้ว่ามาร์ค แรนดัลฟ์จะย้ำว่าการทำงานหนักไม่ใช่ปัจจัยหลักของความสำเร็จ แต่เขาก็ยอมรับว่ามันมีบทบาทในช่วงต้น โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเริ่มต้นทำงานหรือกำลังเปิดบริษัท คุณอาจต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความก้าวหน้า แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งการทำงานหนักอย่างไม่หยุดพักจะเริ่มส่งผลเสีย ผลลัพธ์จากความพยายามจะค่อยๆ ลดลง หากคุณไม่รู้จักการจัดลำดับความสำคัญหรือวางแผนที่ดี

“เมื่อคุณยังเด็ก เมื่อคุณยังไม่รู้จริงๆ ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่...คุณควรจะทำงานหนักให้เต็มที่ แต่เมื่อคุณเติบโต คุณต้องเริ่มเลือกจัดการปัญหาที่สำคัญจริงๆ” — Mark Randolph กล่าว

แรนดัลฟ์สรุปว่าสิ่งที่ทำให้ Netflix ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรู้จักทำงานอย่างชาญฉลาดและเลือกจัดลำดับความสำคัญให้ถูกจุด 

เพราะฉะนั้นการทำงานหนักเป็นสิ่งสำคัญ แต่การจัดการเวลาและปัญหาให้ถูกจุดคือสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จระยะยาว ซึ่งนี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Netflix มีมูลค่าสูงถึง 289 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน