เปลี่ยนวันหยุดไม่ได้หยุดให้สุขที่สุด ด้วยแนวทางสร้างวันหยุดที่ดี

เคยรู้สึกไหม ทำไมการหยุดงานไปพักผ่อนของเราถึงไม่มีความสุขเลย… 

ทั้งๆ ที่การไปเที่ยวควรจะทำให้เรามีความสุข แต่กลับเต็มไปด้วยความกังวล ทั้งเรื่องงานที่จะต้องเจอหลังกลับจากวันหยุด รวมถึงกลัวว่าจะเพิ่มงานให้เพื่อนร่วมงานตอนเราไม่อยู่ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรอ ? 

เพราะการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ

นักวิจัยเรียกการพักผ่อนว่าการฟื้นฟู ถือเป็นการรีเซตความเครียดจากการทำงาน นี่ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพและการเติบโตที่ยั่งยืนในการทำงาน 

เช่นเดียวกับที่นักกีฬาต้องพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายเป็นระยะ ๆ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ มนุษย์เงินเดือนก็ต้องใช้เวลาพักจากงานเพื่อพักฟื้นจากความเครียดจากการทำงาน เพื่อเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจ

ร่างกายมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทนต่อความเครียดเรื้อรัง งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย มีความเสี่ยงสูงต่อความเหนื่อยล้า แรงจูงใจและประสิทธิภาพการทำงานต่ำ รวมถึงเหนื่อยหน่ายในการทำงานมากขึ้น ในขณะที่คนที่หยุดพักผ่อนเป็นประจำ จะพักผ่อนได้ดีขึ้น พอใจในการทำงานมากขึ้น มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นและยังเพิ่มความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

ถึงแม้การพักผ่อนจะมีแต่ข้อดี แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกที่จะไม่พัก?

แม้ว่าการพักผ่อนจะมีข้อดีที่เห็นได้ชัด แต่จากการศึกษาของ Skynova พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนอเมริกันใช้เวลาหยุดเพียง 14 วันต่อปี นอกจากนี้ 91% ของชาวอเมริกันบอกว่าภาระงานของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่สามารถสละเวลาได้ตามต้องการ 

ชาวอเมริกันกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ใช้วันหยุดตามสวัสดิการที่ได้รับ เหตุผลหลักคือกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อโอกาสในการก้าวหน้า หรือแม้กระทั่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียงานไป 

นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกที่การหยุดพักผ่อนของเรา จะไปเพิ่มงานให้กับคนอื่นในทีม อีกทั้งหลังจากการหยุดแล้ว ภาระงานมากมายหลังจากวันหยุดยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การพักผ่อนไม่เป็นการพักผ่อนอีกต่อไป พนักงานหลายคนต้องทำงานขณะเที่ยว หรือกดดันตัวเองในการทำงานให้ทันหลังจากกลับจากการพักผ่อน ทำให้ประโยชน์ที่ควรได้จากการพักผ่อนกลับไม่ได้มากเท่าที่ควร

สามแนวทางสร้างวันหยุดให้เป็นวันที่สุขที่สุด 

  • จัดลำดับความสำคัญและวางแผนล่วงหน้า

จัดลำดับความสำคัญของงานตั้งแต่ก่อนหยุดพักผ่อน อะไรที่ควรให้ความสำคัญก่อน-หลัง รวมถึงการวางแผนงานล่วงหน้า มอบหมายความรับผิดชอบให้กับเพื่อนร่วมงานให้เหมาะสม พูดคุยกับทีมในเรื่องของเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและจะไม่กระทบกับวันหยุด

  • ปิดทุกการแจ้งเตือนในวันหยุด

เนื่องจากการทำงานในปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดจากโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอื่น ๆ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเช็กความคืบหน้าของงาน การศึกษาโดย Passportphoto Online พบว่ากว่า 68% ของกลุ่มตัวอย่างทำงานผ่านโทรศัพท์ขณะเดินทาง และกว่า 62% กล่าวว่าการใช้โทรศัพท์เพื่อทำงานในช่วงวันหยุดทำให้การพักผ่อนเป็นเรื่องยาก

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือปิดเสียงการแจ้งเตือน ย้ายไอคอนแอปไปไว้หน้าที่มองเห็นยาก เพื่อที่จะใช้เวลาในวันหยุดได้อย่างเต็มที่ และควรไว้ใจเพื่อนร่วมงานว่าจะสามารถทำงานได้ตามแผนงานล่วงหน้าที่วางเอาไว้

  • เพิ่มการพักสั้น ๆ หลังหยุดพักผ่อน

เคยเป็นไหม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกลับมา เผชิญรถติด เหนื่อยกับการเคลียร์เสื้อผ้า วันต่อมาก็ต้องทำงานอีกแล้ว ทำให้รู้สึกช็อกเมื่อถึงวันเปิดงาน สิ่งนี้แก้ได้ด้วยการ เพิ่มวันพักสั้นๆ หลังจากไปเที่ยวยาวๆ มาแล้ว 

เช่น หลังกลับจากทริปไปเที่ยว เราอาจจะเผื่อเวลาให้ตัวเองพักอยู่เฉยๆ สัก 1-2 วัน หรืออาจจัดตารางการเปิดงานด้วยการเคลียร์งานเบาๆ ไม่ต้องประชุมแน่นมาก เป็นเหมือนการอุ่นเครื่องให้เราค่อยๆ เตรียมตัว

ผลการศึกษาพบว่าการพักผ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูด้านจิตใจและทำงาน อีกทั้งยังรักษาประโยชน์ของการพักผ่อนให้คงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น

การพักผ่อนในวันหยุดถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะฟื้นฟูพลังงานและประสิทธิภาพในการทำงานได้ โดยต้องมีการวางแผนที่เหมาะสม เพียงแค่ปรับตามแนวทางสามข้อนี้ จะช่วยสร้างสมดุลการทำงานกับวันหยุดของให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังเรื่องงานในวันหยุดอีกต่อไป 

อ้างอิง: inc, hbr, forbes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส่องวิธีคิดแบบ นิธิฟู้ดส์ หา The New ROI อย่างไรให้เจอโอกาสในวิกฤต จนยอดขายทะลุ 500 ล้าน

บนเวที FoodX Forum 2025 คุณสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด และอุปนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้ขึ้นมาแชร์ Insight แบบ Eclusive ถึงเบื้องหลังการเติบโต 30...

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...

Responsive image

วิจัยชี้ Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณ ได้ดีกว่ารุ่น Baby Boomers นี่คือรุ่นที่จะรอดตอนแก่มากที่สุด

ผลวิจัย Vanguard เผย Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณดีกว่า Baby Boomer! เจาะปัจจัยทำไมคนรุ่นใหม่ถึงได้เปรียบ ทั้งระบบออมอัตโนมัติและเวลา พร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง...