การเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน ลดการผูกขาด สร้างความเท่าเทียมเพื่อนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ เป็นสิ่งที่เราทุกคน อยากเห็นในหลายวงการธุรกิจมากขึ้น และ FinTech คือหนึ่งในนั้น แนวทางแบบ Openness ดูเหมือนจะสดใสขึ้นเมื่อสหภาพยุโรปหันมาปรับกฎเกณฑ์กับธนาคาร ถ้าใครได้ติดตามความเคลื่อนไหว FinTech ในยุโรป ช่วงปีที่ผ่านมา หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการปรับกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนแนวทางของ OpenBanking เราไม่ได้กำลังพูดถึงแค่การให้ดึงข้อมูลจำพวก สาขาธนาคารอยู่ที่ไหน ตำแหน่ง ตู้ ATM อยู่ที่ไหน แต่เรากำลังพูดถึงระดับข้อมูลผู้ใช้ที่ทุกวันนี้มีมูลค่ามหาศาลต่างหาก
ทั้งหมดเริ่มต้นมาตั้งแต่กฎหมายสำหรับการสร้างระบบการชำระเงินเดียวทั่วสหภาพยุโรป ที่มีชื่อว่า Directive on Payment Services (PSD) เพื่อให้การชำระเงินของผู้ใช้ในประเทศต่างๆ ที่อยู่ในเครือ EU นั้นสะดวกและง่ายที่สุด แต่จุด trigger สำคัญที่จะทำให้วงการ Banking Landscape เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเชิงของ Architecture, Business model การแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้นนั้น มาจากการปรับ PSD ไปสู่เวอร์ชั่นใหม่นั่นคือ Second Payment Service Directive (PSD2) โดยมีผลบังคับให้ธนาคารต่างๆ ในเครือ EU ต้องเข้าสู่โมเดลใหม่ Open Banking อย่างเต็มตัว โดยต้องเปิดข้อมูลให้กับผู้เล่นภายนอก (3rd Party) ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้า และ Payment system ผ่านทาง Open API นั่นเอง
กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกลุ่มธนาคารขึ้นมาโดยทันที เพราะกลายเป็นว่าจากเดิมที่ธนาคารยังมีข้อได้เปรียบคือถือบัญชีของผู้ใช้เอาไว้ แต่เมื่อผู้เล่นภายนอกสามารถดึงข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อพัฒนาต่อยอดเกิดเป็นบริการใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ข้อได้เปรียบดังกล่าวก็จะเริ่มหายไป และยิ่งถ้า 3rd party รายนั้นมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว มีช่องทาง, มี touch point ที่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดีอยู่แล้วอย่าง Facebook, Amazon, Google ธนาคารยิ่งรับศึกหนักขึ้นไปอีก (ทุกวันนี้ก็ถือว่าศึกหนักอยู่แล้ว) เพื่อให้เห็นภาพมาลองดู use case ที่เกิดขึ้นจริงกันบ้าง [wired ได้เคยนำเสนอไว้ในบทความไว้อย่างน่าสนใจ แต่เป็นกรณี Open Banking ในอังกฤษ] อาทิ
และนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ซึ่งทำให้เห็นว่าธนาคารเริ่มถูกลดบทบาท คือถือบัญชีธนาคาร แต่เปิดโอกาสให้รายอื่นได้นำข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอด เพิ่มมูลค่า (Add Value) และแถมยังติดต่อตรงกับผู้ใช้ปกติได้อีกด้วย จนตัวเองแทบไม่รู้ข้อมูลผู้บริโภค แม้กฎดังกล่าวต้องมีกระบวนการให้สิทธิกับ 3rd party ที่มาขอสิทธิเข้าถึง Open API และผู้ใช้เองก็ต้องอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลด้วยรูปแบบที่รัดกุดเช่นกัน การรักษาความปลอดภัยแม้จะบอกว่าเท่าเทียมระดับ Online Banking แต่แน่นอนว่าย่อมมีมิจฉาชีพที่ไม่หวังดีเกิดขึ้นในทุกยุค ทุกสมัยที่เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าผู้เกี่ยวข้อง/ผู้ดูแลระบบมีความสามารถ และรู้เท่าทันคนกลุ่มนี้หรือเปล่า
Open Banking ทำให้ธนาคารต้องปรับโครงสร้าง Infastructure ไม่ใช่เพื่อรองรับกฎเท่านั้น แต่เป็นเหตุการณ์กึ่งบังคับไปในตัวว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับตัวอย่างจริงจัง หันมามองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสู้รบปรบมือกับกลุ่ม 3rd party ให้ได้ ณ ที่แห่งนั้นโลกแห่งเสือนอนกินได้หมดลงแล้ว แต่สำหรับบ้านเราแนวคิด Open Banking ระดับยุโรปคงยังไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทั้งเรื่องผู้ได้รับผลกระทบและเสียประโยชน์ (ทุกวันนี้แค่ต่อกรกับ Non-Fianncial ที่มี E-wallet และมีพฤติกรรมผู้บริโภคเยอะก็หนักพอแล้ว) ในขณะเดียวกันผู้ออกกฎก็อาจยังไม่เห็นถึงความจำเป็นขนาดนั้น เปิดประเด็นทีก็เป็นเรื่องที
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด