(และคำถามที่ตามมาคือ… ถ้าไม่รับแจ้งเตือนเลย จะทำงานทันคนอื่นไหม?)
ในยุคที่มือถือคือหัวใจของการทำงาน ทั้งอีเมล ข้อความ Teams Slack Zoom และอีกสารพัดแอปที่เด้งเตือนตลอดวัน การปิดแจ้งเตือนอาจฟังดูเหมือนตัดขาดจากโลก แต่สำหรับ Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan Chase หนึ่งในผู้นำองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขากลับมองต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เขาเลือกจะไม่อ่านข้อความระหว่างวัน และที่สำคัญคือปิดแจ้งเตือนทุกอย่างบนมือถือ“ผมไม่มีการแจ้งเตือน ถ้าคุณส่งข้อความมาระหว่างวัน ผมอาจจะไม่อ่านเลย” – Jamie Dimon, CEO JPMorgan Chase

Dimon บอกว่าเขาไม่พกโทรศัพท์ไปไหนมาไหนในออฟฟิศ และจะเก็บมันไว้ในห้องทำงานเสมอ เพราะเวลาประชุม เขาอยากให้สมองอยู่ตรงนั้นแบบ 100%
ตอนผมเดินในตึกหรือเข้าประชุม โทรศัพท์จะอยู่ในออฟฟิศ ผมอ่านข้อมูลมาก่อนแล้ว และผมโฟกัสเต็มที่กับการพูดคุย ไม่ให้ตัวเองถูกรบกวนด้วยเสียงแจ้งเตือนหรืออีเมล
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีอีโอคนนี้พูดถึงมารยาทในการทำงาน Dimon เคยพูดบนเวที Fortune’s Most Powerful Women Summit ว่า “ถ้าคุณเปิด iPad อยู่ตรงหน้าผม แล้วผมเห็นว่าคุณกำลังดูอีเมล ผมจะบอกให้คุณปิดมันเดี๋ยวนี้”
เขาเชื่อว่าการประชุมควรมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน และการไถมือถือระหว่างนั้นคือสัญญาณว่าคุณไม่ได้ให้เกียรติทีม หรือใช้เวลาของทุกคนอย่างคุ้มค่า
Dimon ยังเป็นหนึ่งในผู้นำองค์กรที่ ไม่ปลื้มวัฒนธรรมทำงาน Work From Home โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนรุ่นใหม่อย่างชาว Gen Z ชอบทำงานผ่าน Zoom มากกว่ามานั่งโต๊ะในออฟฟิศ ครั้งหนึ่งเคยมีคลิปเสียงหลุดจากการประชุมภายในของ JPMorgan ที่ Dimon ตำหนิลูกน้องว่า
“อย่ามาบอกผมว่าทำงานจากบ้านวันศุกร์มันเวิร์ก... ผมโทรหาหลายคนในวันศุกร์ แล้วไม่มีใครรับเลย”
เขายังพูดตรง ๆ ว่าผู้จัดการบางคนอู้งานระหว่างประชุมออนไลน์ เปิดกล้องไว้แต่แอบดูอีเมล ส่งข้อความ หรือไม่สนใจเนื้อหาเลย “สิ่งเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ลดลง และมันก็เสียมารยาทด้วย” Dimon เสริม
ในหลายองค์กรโดยเฉพาะสายเทคหรือสตาร์ตอัป วัฒนธรรม Always On หรือพร้อมตลอดเวลากลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็น
ผลคือ… โทรศัพท์ที่ควรช่วยให้เราทำงานสะดวกขึ้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ผูกมัดเราให้ไม่สามารถหลุดจากงานได้เลย
มีงานวิจัยของ Harvard Business Review ที่ระบุว่า คนทำงานในออฟฟิศโดยเฉลี่ย ถูกรบกวนจากการแจ้งเตือนหรือสื่อดิจิทัลทุก ๆ 6 นาที และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ… หลังจากถูกรบกวนหนึ่งครั้ง สมองของเราต้องใช้เวลาราว 20–25 นาที กว่าจะกลับมาโฟกัสได้เท่าเดิม
ลองคิดดูว่า ถ้าคุณได้รับ Slack เด้ง 10 ครั้งต่อชั่วโมง นั่นแปลว่าวันทั้งวันคุณแทบไม่มีเวลาทำงานแบบเต็มสมาธิเลย
นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้บริหารอย่าง Dimon ถึงเลือกตัดขาดจากโทรศัพท์ชั่วคราว เพื่อให้ได้เวลาทำงานแบบลงลึกที่มีคุณภาพจริงๆ
แต่ในโลกจริง การปิดแจ้งเตือนอาจไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะในมุมของพนักงานทั่วไป หรือทีมที่ต้องทำงานแบบ Cross-functional ตลอดเวลา การหายจากระบบก็อาจสร้างปัญหาได้เหมือนกัน เช่น พลาดการแจ้งเตือนด่วนจากลูกค้า, ไม่เห็นข้อความเปลี่ยนเวลาประชุม, หรือทำให้ทีมรู้สึกว่าเข้าถึงยาก
โดยเฉพาะในยุคของ Hybrid Work ที่ทีมกระจายกันทำงานทั้งในออฟฟิศและจากที่บ้าน การสื่อสารผ่านโทรศัพท์และแอปมันจึงกลายเป็น lifeline ที่สำคัญ
สิ่งที่หลายองค์กรเริ่มทำ (และควรทำมากขึ้น) คือ นิยามใหม่ของคำว่าพร้อม ไม่ใช่พร้อมตลอดเวลา แต่คือ พร้อมในเวลาที่เหมาะสม แนวทางที่หลายคนใช้แล้วได้ผล เช่น
การมีวินัยในการเลือกตอบ ไม่ได้หมายถึงการละเลย แต่มันคือการควบคุมเวลาและสมาธิของตัวเองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
Jamie Dimon อาจเป็นตัวอย่างสุดโต่งของการปิดแจ้งเตือนเพื่อรักษาสมาธิ แต่ในโลกการทำงานจริง ๆ ของเรา มันไม่ใช่เรื่องของปิด หรือเปิดอย่างเดียว มันคือเรื่องของการออกแบบวิธีสื่อสารให้สมดุลระหว่างประสิทธิภาพและชีวิต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด