ในสังคมยุค Digital Disruption แทบจะไม่มีองค์กรไหนเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบ การไม่ได้เตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงและโดน Disrupt เสียเอง นับว่าเป็นฝันร้ายของบริษัทผู้สร้างนวัตกรรมทั้งสิ้น บริษัทจะก้าวสู่อนาคตไม่ได้เลยหากไม่ได้เตรียมแผนรับมือ แต่การที่จะประสบความสำเร็จในการทำ Transformation ได้ ไม่ใช่การที่องค์กรนั้นมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด แต่เป็นเพราะการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลงพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการพัฒนา ‘คน’ ให้พร้อมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
Techsauce ได้มีโอกาสรับฟังทัศนะของ คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล เอไอเอส ถึงกลยุทธ์ภาพรวมของ AIS Academy ด้านการดูแลและพัฒนาบุคลากร สู่การเป็นผู้นำองค์กรของคนรุ่นใหม่ ตลอดจน การนำองค์ความรู้ของ AIS และพาร์ทเนอร์นานาชาติจากหลากหลายอุตสาหกรรมสู่ Public ในรูปแบบสัมมนาผ่าน AIS ACADEMY for THAIs ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในฐานะองค์กรที่คิดเผื่อการพัฒนา “คนไทย”
การพัฒนาในมุมของ คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม มองว่าการปรับเปลี่ยนองกรค์และพัฒนาคนของ AIS เราได้นำเทคโนโลยีเข้ามาจุดด้อยที่มี อาทิ นำมาช่วยลดงานที่ซ้ำซ้อน แล้วเอาคนไปทำงานที่สำคัญเเทน เพราะเรามองว่าเทคโนโลยีไม่ได้มาเเทนคนเเต่มาพัฒนาให้สิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น เรายังมองว่าคนที่เก่งจะอยู่เหนือเทคโนโลยีและคนยังเป็นกลุ่มคนที่องค์กรยังขาดไม่ได้ เรามองการเปลี่ยนเเปลงนี้ไม่ได้เเค่ตอบสนองความต้องการพนักงานขององค์กร แต่ยังตอบโจทย์รูปแบบการทำงานของคนยุคใหม่ เรามองว่าการว่าจ้างงานจะมีการปรับเปลี่ยนเพราะคนนิยมหันมาทำงานแบบ Outsource ตามแต่ละโปรเจคมากขึ้น สามารถทำงานได้ทุกที่โดยไม่ต้องเข้าบริษัททุกวัน การปรับเปลี่ยนให้องค์กรมีความพร้อมและตอบโจทย์การทำงานในยุคใหม่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราจะสามารถพัฒนาพนักงานภายใน ร่วมไปกับได้คนเก่งๆ จากข้างนอกเข้ามาร่วมทำงานกับเราด้วย เราเชื่อว่าเมื่อมี บุคลากรที่เก่ง ร่วมกับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ คงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินหน้าองค์กรให้เติบโตขึ้น ถึงเเม้จะเจอกับวิกฤตก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเรามีรากฐานในองค์กรเเข็งเเรง
ผลจากเทคโนโลยีที่จะถูกพัฒนาขึ้น เร็วขึ้น หลากหลายขึ้นดิจิทัลจะเข้ามาอยู่ในชีวิตความพร้อมในศักยภาพของคนที่จะใช้ประโยชน์จากเทคเหล่านี้เครื่องมือจะมีประโยชน์แค่ไหน ขึ้นอยู่กับคนที่ใช้เครื่องมือนั้น
คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม ได้เล่าให้ฟังว่า เรามี Partner ที่มีความรู้ความสามารถในการเพิ่มความรู้ให้คนในองค์กรผ่านการเรียนในหลักสูตรที่องค์กรได้พัฒนาขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร ซึ่งปัจจุบันเรามีทั้ง วิทยากรที่มีความรู้และมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศ ต่างประเทศมาร่วมเป็น Partner อย่าง Harvard Business School, Stanford พร้อมกันนี้เราไม่ได้มองเพียงเเค่องกรณ์ คิดเผื่อถึงการเเบ่งปันความรู้สู่สังคมโดยเปิดการเรียน การอบรมความรู้ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมฟังได้ฟรีผ่านเเพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นให้ตอบโจทย์บุคคลทั่วไปในสังคมและ Partner ของ AIS ช่องทางการเรียนรู้ที่ตั้งใจจะเปิดสอนในอนาคต อาทิ AIS “เลิร์นดิ” (LearnDi) ยังไม่ได้เปิดสู่สาธารณะชนอย่างเป็นทางการแต่จะเริ่มเปิดให้ เพื่อน เเละพันธมิตรก่อน โดยตั้งเป้าเปิดให้พันธมิตร 5,000 ราย ซึ่งเน้นที่องค์ความรู้ของ Corporate ที่สามารถส่งต่อความรู้สู่ องค์กรต่างๆ และในอนาตคจะส่งต่อสู่ภาคประชาชน
นอกจากนี้ยังมี JumpThailand การเรียนรู้ ในรูปแบบของกิจกรรมบ่มเพาะ Startup ที่เรียกว่า Innojump ให้สามารถนำความรูปไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมเข้าใจพร้อมสร้าง Innovation ร่วมไปถึงขยายขอบเขตตลาดสู่ระดับนานาชาติ และสุดท้ายคือการแบ่งปันความรู้สู่สังคม อย่าง อุ่นใจอาสาพัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างให้บุคคลากรมีความตระหนักรู้ในการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม โดยเราตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องทักษะการทำงานของคนในสังคม ที่ปัจจุบันการเรียนเเบบเดิมไม่ตอบโจทย์ความต้องการตลาดเเรงงานมากนัก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด