OpenAI เปิดลิสต์ 44 อาชีพที่ AI อาจทำแทนมนุษย์ หลังผลวิจัยชี้เริ่มเก่งเท่าผู้เชี่ยวชาญ

OpenAI ปล่อยผลการประเมินชุดใหญ่ พร้อมลิสต์ 44 สายอาชีพที่ AI รุ่นใหม่ๆ เริ่มทำงานเทียบเท่ามนุษย์ได้แล้ว การทดสอบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นความพยายามของ OpenAI ที่ต้องการพิสูจน์ว่า AI ของพวกเขามี “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” ไม่ใช่แค่กระแสมาแล้วก็ไป พร้อมกู้ภาพลักษณ์กลับมาหลังเคยถูกวิจารณ์ว่าชอบพูดเกินจริง เช่น ตอนที่ CEO เคยอ้างว่า AI ฉลาดระดับปริญญาเอก ซึ่ง ณ ตอนนี้ผลประเมินที่ออกมาก็บอกว่า AI ตอนนี้เก่งกว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก

เช็กลิสต์ 44 อาชีพ มีอะไรบ้าง?

นี่คือส่วนหนึ่งของสายอาชีพที่ OpenAI ระบุว่า AI มีแนวโน้มจะเข้ามามีผลกระทบสูง 

OpenAI เปิดลิสต์ 44 อาชีพที่ AI อาจทำแทนมนุษย์

OpenAI ไม่ได้มาบอกแค่ชื่ออาชีพเฉย ๆ แต่ยังยกตัวอย่าง งานจริง ที่ใช้ทดสอบด้วย โดยแต่ละอย่างล้วนต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง เช่น

  • ในสายงานนักวิเคราะห์การเงิน AI ได้รับโจทย์ให้ วิเคราะห์คู่แข่งในธุรกิจ
  • ในสายพยาบาลวิชาชีพ AI ต้อง ประเมินภาพรอยโรคบนผิวหนัง เพื่อดูความผิดปกติเบื้องต้น
  • ส่วนในสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ AI ถูกสั่งให้ ออกแบบโบรชัวร์ขายบ้าน

ผลจากการให้ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมาตรวจสอบผลงานของ AI พบว่า AI รุ่นล่าสุด ทำงานได้ดีจนเกือบเทียบเท่ามืออาชีพ

เรื่องน่าแปลกใจ AI ที่ทำคะแนนรวมได้ดีที่สุดกลับไม่ใช่ Chat GPT แต่เป็น Claude 4.1 Opus ของบริษัทคู่แข่ง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดไว้

ส่วน GPT-5 ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะด้านความแม่นยำ และเมื่ออัปเกรดเป็นเวอร์ชัน GPT-5-high ก็ถูกประเมินว่าสามารถทำงานได้ดีกว่าหรือเทียบเท่ามนุษย์ ในงานกว่า 40% ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการก้าวกระโดด เพราะรุ่นก่อนหน้าอย่าง GPT-4o ทำได้เพียง 13.7% เท่านั้น

อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออก

แม้ผลทดสอบจะน่าทึ่ง แต่การใช้ AI ในโลกจริงยังเจอปัญหาใหญ่ๆ ที่แก้ไม่ตกอยู่  

  • ความแม่นยำของข้อมูล: ปัญหาคลาสสิกของ AI คือบางทีก็ให้ข้อมูลผิดๆ มาแบบเนียนๆ ถ้าเราเชื่อทั้งหมดโดยไม่เช็กก่อน อาจจะพังได้ง่ายๆ
  • ต้องมีคนคอยควบคุม: ไม่ว่าจะเป็นทนายหรือโปรแกรมเมอร์ สุดท้ายก็ต้องมีคนจริงๆ มาตรวจแก้งานของ AI อยู่ดี ซึ่งบางทีก็สร้างงานเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
  • เก่งงานสั้นๆ แต่ตกม้าตายงานยาก: AI มักจะทำได้ดีกับคำสั่งที่ชัดเจน แต่พอเจองานที่ซับซ้อนและคาดเดายาก AI ก็อาจออกทะเลได้

ซึ่ง OpenAI ก็ยอมรับเองเลยว่า “งานจริง ๆ มักซับซ้อนกว่าการพิมพ์คำสั่งสั้น ๆ ให้ AI ทำ เพราะหลายงานต้องใช้ความคิดและการตัดสินใจ”

OpenAI ย้ำ AI คือ ‘ผู้ช่วย’ ไม่ใช่ ‘แทนที่มนุษย์’

OpenAI พยายามบอกว่า AI จะเข้ามา สนับสนุนการทำงาน แต่เราก็รู้กันอยู่ว่าเป้าหมายลึกๆ ของหลายบริษัทคือการใช้ AI เพื่อลดต้นทุน ซึ่งก็คือการลดคน และตอนนี้เราก็เริ่มเห็นข่าวแล้วว่าบางบริษัทเร่งใช้ AI มากเกินไปก็เจอปัญหายุ่งยากตามมา

เพราะฉะนั้นตอนนี้ AI ก็เหมือน เด็กฝึกงานอัจฉริยะ ที่ช่วยงานเล็ก ๆ ได้ดีและรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องมี หัวหน้าที่เป็นคน คอยควบคุม ตัดสินใจ และรับผิดชอบผลลัพธ์ทั้งหมดอยู่

อ้างอิง: futurism

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...

Responsive image

วิจัยชี้ Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณ ได้ดีกว่ารุ่น Baby Boomers นี่คือรุ่นที่จะรอดตอนแก่มากที่สุด

ผลวิจัย Vanguard เผย Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณดีกว่า Baby Boomer! เจาะปัจจัยทำไมคนรุ่นใหม่ถึงได้เปรียบ ทั้งระบบออมอัตโนมัติและเวลา พร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง...

Responsive image

แนะนำ 5 หนังสือส่งท้ายปี จาก Bill Gates ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้ชีวิต

พอใกล้เข้าหน้าหนาวและช่วงวันหยุดยาว Bill Gates บอกว่านี่คือเวลาทองของการหยิบหนังสือดีๆ มาอ่านสักเล่ม โดยปีนี้เขาเลือกหนังสือมา 5 เล่ม ภายใต้ธีมที่น่าสนใจคือ “เบื้องหลังสิ่งสำคัญรอบ...