เช็กลิสต์ 10 คำถามที่ควรถามตัวเอง ก่อนเปลี่ยนสายงาน

เปลี่ยนสายงาน

ไม่ว่าใครก็เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกหมดไฟกับงาน บางคนรู้สึกเหนื่อย เบื่อหน่าย ถูกกดดัน หรือรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่มีความหมาย จนเกิดคำถามในใจว่า “เราควรเปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนสายอาชีพเลยดีไหม”

แต่อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจ เพราะบางครั้งสิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่การเปลี่ยนสายงานครั้งใหญ่ แต่อาจเป็นแค่การเปลี่ยนบทบาท หรือย้ายสภาพแวดล้อมการทำงานเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนจะก้าวสู่การเปลี่ยนอาชีพครั้งสำคัญ ลองถามตัวเองด้วย 10 คำถามนี้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ชัดเจนและมั่นใจมากขึ้นว่า ทางไหนคือเส้นทางที่ใช่สำหรับคุณจริง ๆ

1. ตอนนี้อะไรคือ “สิ่งสำคัญที่สุด” ในชีวิต

ชีวิตกับงานบางทีเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ลองถามตัวเองว่า ตอนนี้คุณให้ความสำคัญกับอะไร

  • ความมั่นคงทางการเงิน
  • Work  life balance
  • การเติบโตในสายอาชีพ
  • ความสุขและความเป็นอิสระ 

เมื่อคุณชัดเจนกับเป้าหมายในชีวิต การตัดสินใจเรื่องงานจะง่ายขึ้น

2. ข้อดีของงานที่ทำอยู่ตอนนี้มีอะไรบ้าง?

หลายคนโฟกัสแต่เรื่องที่ไม่ดี จนอาจลืมมองสิ่งที่ดีในงานปัจจุบันไป เช่น

  • เพื่อนร่วมงานดี
  • เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น
  • ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองถนัด

การมองเห็นข้อดีจะช่วยให้คุณวางแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

3. อะไรคือ “ปัญหาหลัก” ที่ทำให้คุณไม่มีความสุขในการทำงาน

ต้องแยกให้ออกว่า อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้คุณไม่พอใจในการทำงาน

  • วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เข้ากับตัวคุณ
  • หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานที่ทำให้รู้สึกแย่หรือเป็นเรื่องของรายได้

การเจาะจงปัญหาให้ชัด จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณควรเปลี่ยน “สถานที่ทำงาน” หรือ “เปลี่ยนทั้งสายงาน”

4. สัญชาตญาณบอกอะไรคุณ

บางครั้งใจเรารู้คำตอบก่อนสมองจะวิเคราะห์ทัน ลองถามตัวเองว่า...ถ้าจะต้องอยู่ในสายงานนี้ไปอีก 5 ปี คุณรู้สึกอย่างไร แล้วถ้าได้เริ่มต้นใหม่ คุณรู้สึกโล่งใจ หรือกลัวมากกว่าเดิม สัญชาตญาณของเรามักไม่โกหก ลองฟังเสียงข้างในดู

5. คุณเคยคิดอยากลาออก “เกือบทุกวัน” 

ความเบื่อหน่ายเป็นเรื่องปกติของการทำงาน แต่ถ้าคุณรู้สึกอยากหนีตลอดเวลา หรือจินตนาการถึงการได้ทำอาชีพอื่นอยู่บ่อย ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า “คุณไม่ได้อยู่ในที่ที่เหมาะกับตัวเองแล้ว”

6. คุณเคยลองเปลี่ยนงานในสายเดิมมาแล้วหรือยัง

ถ้าคุณเคยลองเปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนบริษัท หรือเปลี่ยนทีมแล้ว แต่ความรู้สึกหมดไฟก็ยังตามมาทุกที่ นั่นอาจหมายความว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่องค์กร แต่อยู่ที่ “สายงานนั้น” อาจไม่เหมาะกับคุณ

7. งานนี้กระทบสุขภาพคุณหรือเปล่า

ถ้าคุณเริ่มมีอาการ เช่น ปวดหัว เครียด นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า หมดแรง หรือแม้แต่ซึมเศร้า ลองสังเกตดูว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับงานที่คุณทำหรือไม่ 

8. คุณเคยฝันอยากทำงานอย่างอื่น

หากคุณรู้สึกสนใจหรือชื่นชมคนที่ทำอาชีพอื่นอยู่บ่อย ๆ เช่น ชอบดูคลิปอาชีพใหม่ ๆ อ่านบทสัมภาษณ์คนในสายอื่น หรือลองเรียนอะไรใหม่ ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ามีสิ่งที่เหมาะกับคุณมากกว่า

9. คนใกล้ตัวเคยแนะนำให้คุณเปลี่ยนสายงาน

บางครั้งคนรอบข้างอาจมองเห็นสิ่งที่เราไม่เห็น เช่น แววตาหมดไฟ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หรือศักยภาพของคุณที่ยังไม่ได้ใช้ ลองฟังความเห็นจากคนที่คุณรู้จัก แม้คำตัดสินใจจะเป็นของคุณ แต่คำแนะนำเหล่านั้นอาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้ 

10. คุณมี “ทักษะ” หรือ “จุดแข็ง” อะไรที่สามารถต่อยอดในสายงานใหม่ได้

การเปลี่ยนสายงานไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเริ่มจากศูนย์ ทักษะหลายอย่างที่คุณมี เช่น การสื่อสาร การบริหารจัดการ การคิดวิเคราะห์ หรือความสามารถเฉพาะทาง สามารถนำไปใช้กับงานใหม่ได้ มองตัวเองให้ลึกขึ้น แล้วคุณจะเห็นว่า “คุณมีต้นทุนมากกว่าที่คิด”

การลาออกหรือเปลี่ยนอาชีพไม่ใช่ทางเดียวที่จะหาความสุข บางครั้งแค่เปลี่ยนบทบาท ปรับมุมมอง หรือหาองค์กรที่ใช่ ก็อาจทำให้คุณกลับมารักงานได้อีกครั้ง สิ่งสำคัญคือการที่คุณได้ทบทวนชีวิตและตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง

อ้างอิง: cnbc

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะลึกสถานการณ์ไซเบอร์ไทย กับ พลอากาศตรี อมร ชมเชย 3 ภัยคุกคามหลัก และ ความท้าทายใหม่ ‘AI Security’ ที่น่าห่วงกว่า Ransomware

พล.อ.ต. อมร ชมเชย กาง 3 ภัยไซเบอร์ใหญ่ (Security, Scam, Misinfo) พร้อมเผยดัชนีความมั่นคงไซเบอร์ไทยพุ่ง 99/100 แต่ชี้ความเสี่ยงใหม่ 'AI Security' ที่น่าห่วงกว่า หวั่นซ้ำรอยอินเทอร์เ...

Responsive image

Jeff Bezos เผยสูตรเลือกคนทำงานในยุค AI ไม่ต้องเก่งสุด แต่ต้องคิดใหม่ได้ก่อนใคร

ในวันที่เรซูเม่ถูกเขียนด้วย ChatGPT Jeff Bezos กลับใช้คำถามเดียว ค้นหาคนที่ AI ไม่มีวันแทนได้ คุณเคยคิดค้นอะไรขึ้นมาบ้าง ?...

Responsive image

รู้จัก Micro-Shift โมเดลงานแห่งอนาคต ทำงานแบบกะสั้น ตามสไตล์ของตัวเอง

Gen Z กำลังเปลี่ยนโลกของการทำงานด้วยแนวคิด Micro-Shift หรือการทำงานแบบกะสั้น ไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ชีวิตและงานเดินไปพร้อมกันได้อย่างสมดุล...