กลางปี 2025 ตำนานอย่าง Warren Buffett ประกาศเกษียณ และเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะ CEO ชายวัย 95 ปีที่ทั้งโลกเรียกว่า Oracle of Omaha เนื้อหาในจดหมายหนักแน่นกว่าที่เคย เป็นความหนักแน่นแบบที่เกิดจากการผ่านทั้งยุคเฟื่องฟู เศรษฐกิจถดถอย วิกฤตเล็กใหญ่ และบททดสอบของชีวิตมาเกือบหนึ่งศตวรรษ
จดหมาย 8 หน้านั้นไม่ได้เล่าตัวเลข ไม่ได้โชว์กราฟผลตอบแทน แต่กลับพูดถึงสิ่งที่ลึกกว่าอย่าง บทเรียนชีวิตที่เขาอยากส่งต่อก่อนเงียบจากสาธารณะ
นี่คือ 10 บทเรียนที่ Warren Buffett ทิ้งไว้ให้โลก บทเรียนที่เรียบง่าย แต่คมพอจะเปลี่ยนการมองความสำเร็จของใครหลายคนไปตลอดกาล

Buffett เปิดจดหมายด้วยประโยคที่ฟังเหมือนง่าย แต่ทรงพลังเกินกว่าจะมองข้าม “Get the right heroes and copy them.”
เขายกชื่อ Tom Murphy เพื่อนสนิทและตำนานนักบริหารถ่อมตัว ที่เขามองว่าเป็นแบบอย่างดีที่สุดที่เคยพบ เพราะฮีโร่ดี ๆ ไม่ได้พาคุณดัง แต่พาคุณไปในทิศที่ถูกต้อง และคุณภาพของแบบอย่างที่เราเลือก คือภาพสะท้อนคุณภาพของชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น
Buffett ไม่เคยปฏิเสธว่าเขาพลาดมามาก เขาจึงเขียนไว้ชัดเจนว่า “Don’t beat yourself up over past mistakes—learn at least a little and move on.”
เขาไม่ได้โรแมนติไซส์ความผิดพลาด แต่ทำให้มันเป็นของธรรมดา คือครูที่สอนพอประมาณ ไม่ใช่ผู้พิพากษาที่ลงโทษจนเราล้มเหลวถาวร ในขณะที่หลายคนอยู่กับความผิดครั้งเดิมนานเกินไป เขากลับเดินต่อ และใช้มันเป็นดินให้ต้นไม้เติบโต
หนึ่งในเรื่องราวที่ Buffett หยิบมาคือ Alfred Nobel ผู้เปลี่ยนชีวิตหลังเห็น obituary ที่เขียนผิดว่าเขาตาย ความตกใจนั้นนำไปสู่การสร้าง Nobel Prize
Buffett จึงชวนเราถามว่า ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่แล้ว โลกจะจำเราแบบไหน ? นี่ไม่ใช่คำถามเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ แต่เพื่อความชัดเจนในทุกย่างก้าวของวันนี้
Buffett เขียนประโยคที่อาจเรียบง่ายที่สุดในจดหมาย แต่กลับสั่นสะเทือนที่สุด คือ “Kindness is costless but priceless.”
เขาบอกว่าแม่บ้านมีความเป็นมนุษย์เท่ากับ Chairman และกฎทอง คือกฎที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย นั่นคือ ปฏิบัติต่อคนอื่นแบบที่คุณอยากให้เขาปฏิบัติต่อคุณ นี่คือความยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องสะสมเงิน แต่สะสมความดีในหัวใจคนอื่น
Buffett เล่าว่าเมื่อรัฐบาลออกกฎหมายให้เปิดเผยมูลค่าตอบแทนของ CEO ความตั้งใจดีกลับกลายเป็นเชื้อไฟ เพราะมนุษย์ไม่ได้กังวลว่าจะมีน้อย แต่กังวลว่าคนอื่นมีมากกว่า จึงเกิดประโยคที่คมแต่จริงอย่าง “Envy and Greed walk hand in hand.” และในโลกการทำงาน การอิจฉาคนอื่นไม่เคยทำให้ใครมีคุณค่ามากขึ้นมันแค่ทำให้หัวใจหนักขึ้นเท่านั้น
Buffett กลับไปพูดถึง Nebraska, บ้านเกิดที่เขาอยู่มาตลอดชีวิต บ้านที่เขาย้ายไปอยู่ในปี 1958 อยู่ห่างจากบ้านตอนเด็กเพียงสองไมล์ ออฟฟิศที่เขาทำงานกว่า 60 ปี อยู่แค่ขับรถไม่กี่นาที
เขาบอกว่า Omaha ไม่ใช่แค่ที่อยู่ แต่คือพื้นที่ที่หล่อหลอมความคิด จังหวะชีวิต ความเรียบง่าย และความนิ่งที่ทำให้เขาเป็น Warren Buffett ในวันนี้ สถานที่บางแห่งไม่ใช่แค่ฉากหลัง แต่เป็นตัวละครหลักในชีวิตเรา
Buffett เขียนว่า “Ruling from the grave does not have a great record.” เขาไม่ต้องการควบคุมลูก ๆ ด้วยกฎระเบียบหลังตนจากไป เขาต้องการให้พวกเขามีพื้นที่เติบโตผิดพลาดเอง และเงินของครอบครัวควรกลับไปช่วยสังคม มากกว่าถูกกักไว้ในตระกูลเพียงอย่างเดียว
นี่คือความไว้วางใจระดับสูงสุดของคนเป็นพ่อ และเป็นการยอมรับว่าอนาคตควรเป็นของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
Buffett เขียนว่าเขาโชคดีล้วน ๆ ตั้งแต่เกิด สุขภาพดี ฉลาดพอสมควร ผิวขาว เป็นผู้ชาย และเกิดในอเมริกาในปี 1930 เขายอมรับว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม และหลายคนเริ่มต้นจากศูนย์ หรือแม้แต่น้อยกว่าศูนย์
ดังนั้น การยอมรับโชคไม่ได้ทำให้เราเล็กลง มันทำให้เราถ่อมตัวขึ้น อ่อนโยนขึ้น และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
Buffett บอกอย่างขำขันว่า “I was late in becoming old…” แต่เมื่อความแก่ปรากฏ มันชนะทุกครั้ง
ถึงแม้อายุ 95 เขายังไปทำงานเกือบทุกวัน แต่ก็รู้ดีว่าร่างกายช้าลง แข็งแรงน้อยลง และเวลาเริ่มกระชับขึ้น ไม่ใช่ด้วยความเศร้า แต่ด้วยความเข้าใจว่าเวลาคือผู้บันทึกเกมที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนหลีกเลี่ยงได้
ท้ายจดหมาย Buffett ปิดด้วยประโยคที่เหมือนสรุปทั้งชีวิตของเขา “You will never be perfect, but you can always be better.” นี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจแบบฉาบฉวย
แต่มาจากชายที่ใช้ชีวิตทั้ง 95 ปีพิสูจน์สมการง่ายๆ ของความสำเร็จ คือ เลือกต้นแบบที่ดี ตั้งใจทำงาน ยอมรับความผิดพลาด ให้คุณค่ากับคนรอบตัว และพยายามดีขึ้นทีละเล็กในทุกวัน
บางครั้ง การเติบโตไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เสมอไป แต่มาจากการดีขึ้นนิดเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งเราหันกลับไป แล้วพบว่าเดินมาไกลกว่าที่คิด
Warren Buffett อาจวางมือจาก Berkshire Hathaway แต่บทเรียนของเขายังคงเดินต่อ และจะยังเดินต่อไปในชีวิตของใครอีกมากมาย รวมถึงในใจผู้อ่านบทความนี้ ณ วินาทีที่คุณเลื่อนจบประโยคนี้
อ้างอิง: manofmany
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด