4 บทเรียนธุรกิจ จากเรื่องราวของ ลิโอเนล เมสซี่ ‘เพราะความสำเร็จไม่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน’ | Techsauce

4 บทเรียนธุรกิจ จากเรื่องราวของ ลิโอเนล เมสซี่ ‘เพราะความสำเร็จไม่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน’

อย่างเป็นทางการ ลิโอเนล เมสซี่ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2023 เป็นลูกบอลทองคำ ลูกที่ 8 แล้วของคิงลีโอ ในวัย 36 ปี และนี่คือ 4 สิ่งที่ธุรกิจสามารถเรียนรู้จากเรื่องราวความสำเร็จของเจ้าตัวได้

ความสำเร็จไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน 

ลิโอเนล เมสซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบ กับสโมสรกรานโดลี่ (Grandoli) สโมสรฟุตบอลท้องถิ่นที่บ้านเกิดของเขา ณ เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา และได้เล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลนาครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี  ปัจจุบันเขาอายุ 36 และยังคงโลดแล่นอยู่บนผืนหญ้า พร้อมดีกรีกัปตันทีมแชมป์โลก

แต่กว่าจะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์โลกได้ เมสซีผิดหวังมาถึง 4 ครั้ง กินเวลาทั้งสิ้น 16 ปี เขาเคยต้องหิ้วกระเป๋ากลับบ้านโดยทำไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวในปี 2010 เคยเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ได้แค่เดินผ่านถ้วยรางวัลในปี 2014 ที่พ่ายต่อเยอรมนี

ธุรกิจก็เช่นกัน บางครั้งความสำเร็จก็ต้องการเวลา ข้อมูลจาก Harvard Business Review เผยว่าผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ มีอายุเฉลี่ย 45 ปี เช่นเดียวกับบริษัทสตาร์ทอัพที่ Exit หรือ IPO สำเร็จ ก็ล้วนแต่มีเจ้าของเป็นวัยกลางคนทั้งนั้น และหนึ่งข้อได้เปรียบของพวกเขาก็คือ “ประสบการณ์”

ด้วยประสบการณ์และความเก๋า เมสซี่ในวัย 35 (เมื่อปี 2022) แบกความหวังชาวอาเจนไตน์ทั้งชาติไว้ด้วยสมองและสองเท้า ลีลายังคงแพรวพราวแม้อายุจะมากขึ้นทุกวัน

แน่นอนมีนักธุรกิจหลายคนจัดอยู่ในหมวดหมู่อายุน้อยร้อยล้าน ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยรุ่น Bill Gates ตั้งบริษัท Microsoft ตั้งแต่อายุ 20 Mark Zuckerberg เริ่มต้นธุรกิจ Facebook ตั้งแต่อายุ 19 Steve Jobs เองก็เริ่มสร้างอาณาจักร Apple ตั้งแต่อายุ 21 ปี 

แต่กว่าจะเริ่มสุกงอมและไปถึงจุดสูงสุดผู้ประกอบการเหล่านี้ก็เข้าวัยกลางคนไปแล้วเหมือนกัน Steve Jobs เปิดตัว iPhone รุ่นแรกก็อายุ 52 แล้ว

คุณอาจจะเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ถ้าตอนนี้ยังไม่ไปถึงฝันก็ไม่เป็นไร ขอให้มุ่งมั่นในสิ่งที่เชื่อ พัฒนาตัวเองเสมอ และศรัทธาในเส้นทางการเติบโตในแบบฉบับของเราที่ไม่ต้องเหมือนใคร

ทีมงานที่เชื่อใจกันและกัน 

ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีม นักเตะทั้ง 11 คนล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก อาร์เจนตินาเป็นฝ่ายชนะฝรั่งเศสในช่วงยิงจุดโทษ แน่นอนเมสซี่ไม่สามารถไปเป็นผู้รักษาประตูเองได้อยู่แล้ว ต้องไว้ใจและฝากความหวังไว้กับผู้รักษาประตู และขุนพลข้างกายเมสซี่ก็มีตั้งแต่เพื่อนประสบการณ์สูง จนไปถึงวัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ

ถ้าคุณเป็นผู้นำ การสร้างความไว้ใจในทีม เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในยุคการทำงาน แบบ Hybrid ทำงานระยะไกล ซึ่งต้องอาศัยความไว้วางใจกันและกันในทีมสูงกว่าเดิม

การไว้ใจกัน ก็เหมือนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยด้านจิตใจในที่ทำงาน การศึกษาของ Google ชี้ว่ามันเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของการสร้างทีมที่ประสบความสำเร็จ ช่วยให้พนักงานมีแรงกระตุ้นในการทำงาน เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มความภักดีต่อองค์กรในคราวเดียวกัน

ในทางตรงกันข้าม ความไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ ระแวดระวังกันตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศในองค์กรเป็นพิษ เพราะขาดการสื่อสาร ความโปร่งใส ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลเชิงลบต่อประสิทธิภาพการทำงาน

สู้เพื่อสิ่งที่เรารัก 

“ในโลกของธุรกิจ คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ คนที่ทำในสิ่งที่พวกเขารัก”

Warren Buffett นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกเชื่อว่า สิ่งที่จะชี้ว่าเราจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ หรือคนธรรมดา คือคนที่ประสบความสำเร็จมักจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้าเรารักอะไรแล้ว เราจะยอมทุ่มเทเพื่อมัน เหนื่อยเพื่อมัน แต่ก็ยังคงสนุกกับสิ่งที่ทำ ต่างจากการต้องทำอะไรที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัด

เช่นเดียวกัน เมสซี่ไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านฟุตบอลเท่านั้น เขาสู้เพื่อมันด้วย

ตอนอายุได้เพียง 11 ปี เมสซี่ถูกแพทย์วินิจฉัยว่ามีภาวะขาดโกรธฮอร์โมน (Growth Hormone Deficiency) หรือภาวะบกพร่องด้านการเจริญเติบโต นั่นเป็นสาเหตุที่เขาตัวเล็กกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน และอาจจะต้องจบชีวิตการค้าแข้ง เพราะฟุตบอลนอกจากสมองและสองเท้าแล้ว ลักษณะทางกายภาพก็สำคัญ โดยเฉพาะหากอยากไปเติบโตในลีกยุโรป

การรักษาโรคภาวะขาดโกรทฮอร์โมนจะต้องใช้วิธีฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าร่างกายทุกๆ วัน และใช้เวลาหลายปี ซึ่งค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากนี้ (ที่ประมาณ 900 ดอลลาร์ต่อเดือน) ทำให้ครอบครัวเมสซี่แบกรับได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น จนบาร์เซโลนามาคว้าตัวเขาจากสโมสรบ้านเกิด และช่วยดูแลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ แต่เจ้าตัวก็ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ด้วยการฉีดยาเข้าร่างกายทุกๆ วัน  

ความผิดพลาดเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ 

“เราเพิ่งแพ้นัดชิงชนะเลิศ 3 นัดติดต่อกัน” 

ระดับเมสซี่ก็แพ้เป็น เขาเข้ามาเล่นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้งแต่ก็คว้าน้ำเหลว ก่อนหน้าจะคว้าแชมป์โลก ทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศถึง 3 ครั้ง (ฟุตบอลโลกปี 2014 และฟุตบอลโกปา อเมริกาในปี 2015 และ 2016)

เกมแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบล่าสุด ทีมฟ้าขาวก็เปิดหัวด้วยการพ่ายซาอุดิอาระเบียไปด้วยสกอร์ 1-2 แบบช็อคโลก ตอนนั้นเราไม่คิดด้วยซ้ำว่าอาร์เจนฯ จะผ่านเข้ารอบ จนมาเป็นแชมป์รายการนี้ได้

ทุกการเดินทางย่อมมีอุปสรรค การทำธุรกิจก็เช่นกัน อยู่ที่เราเลือกจะเรียนรู้ ยอมรับ และปรับหมากใหม่อย่างไรให้ทำได้ดีกว่าเดิม

อ้างอิง : olympics.com , Harvard Business Review, AS , LikedIn , Entrepreneurfindcourse


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

5 ข้อแตกต่างที่ทำให้ Jensen Huang เป็นผู้นำใน 0.4% ด้วยพลัง Cognitive Hunger

บทความนี้จะพาทุกคนไปถอดรหัสความสำเร็จของ Jensen Huang ด้วยแนวคิด Cognitive Hunger ความตื่นกระหายการเรียนรู้ เคล็ดลับสำคัญที่สร้างความแตกต่างและนำพา NVIDIA ก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับ...

Responsive image

เรื่องเล่าจาก Tim Cook “...ผมไม่เคยคิดเลยว่า Apple จะมีวันล้มละลาย”

Apple ก้าวเข้าสู่ยุค AI พร้อมรักษาจิตวิญญาณจาก Steve Jobs สู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดย Tim Cook มุ่งเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีอีกครั้ง!...

Responsive image

วิจัยชี้ ‘Startup’ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ

บทความนี้ Techsauce จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรที่ทำให้ วัย 40 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักธุรกิจและ Startup หลายคน...