Climate Change และเอลนีโญโจมตีหนัก ขนส่งทางเรืออ่วม 2024 โลจิสติกส์รอรับแรงกระแทก | Techsauce

Climate Change และเอลนีโญโจมตีหนัก ขนส่งทางเรืออ่วม 2024 โลจิสติกส์รอรับแรงกระแทก

ในปี 2024 การค้าทางทะเลอาจถูกตัดขาด จากปัญหา Climate Change และเอลนีโญ ธุรกิจนำเข้าส่งออกกระทบหนักแน่ ถ้าไม่เตรียมตัวให้พร้อม 

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ประกาศเตือนปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งจะทำให้โลกร้อนขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาก่อนมาก แล้งหนักถึงขั้น ฝนไม่ตก ระดับน้ำทะเลลดลงจนไม่สามารถเดินเรือได้ 

เรือแล่นไม่ได้ กระทบเศรษฐกิจแน่

การค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ใช้เรือ ไม่ใช่เครื่องบิน องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เผยว่า สินค้าที่ซื้อขายระหว่างประเทศมากกว่า 90% ถูกจัดส่งทางทะเล และคาดว่าภายในปี 2050 การค้าทางทะเลจะขยายตัวขึ้นได้ถึง 3 เท่า 

แต่ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นอย่างมากจะเป็นตัวการหลักที่ฉุดรั้งการเติบโต

อย่างที่รู้กันดี เส้นทางเดินเรือสายสำคัญหลาย ๆ แห่ง เป็นคลองที่ขุดขึ้นเพื่อตัดผ่านให้เรือสินค้าแล่นไปได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปอ้อมไกล ๆ เช่น คลองสุเอซ ตัดผ่านแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งใช้เดินทางจากเอเชียใต้ไปยุโรป  เส้นทางสายนี้ทำให้เรือสินค้าไม่ต้องเดินทางไปอ้อมที่แหลมกู๊ดโฮป

แต่ถ้าเส้นทางสายสำคัญเหล่านี้ถูกปิดตาย หรือแล้งหนัก น้ำลดจนเรือไม่สามารถผ่านได้ เศรษฐกิจจะเสียหายแค่ไหนกัน ?

เหตุการณ์ Ever Given เกยตื้นขวางคลองสุเอซ

ย้อนกลับในปี 2021 ที่เรือบรรทุก Ever Given หนึ่งในเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกยตื้นขวางคลองสุเอซ ทำให้เส้นทางเดินเรือสายนี้ถูกปิดไปช่วงหนึ่ง หลายบริษัทต้องเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้า เดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกาออกไป

การที่เรือสินค้าต้องใช้เวลานานขึ้นในการเดินทาง เท่ากับว่าต้นทุนในการขนส่งก็ต้องเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนเวลาที่เสียไป ซึ่งเหตุการณ์ Ever Given เกยตื้น ส่งผลให้การค้าหยุดชะงักครั้งใหญ่ ระหว่างยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง สูญเสียทางการค้าถึง 7 พันล้านปอนด์/วัน และคลองสุเอซเสียรายได้ไปกว่า 10.9 ล้านปอนด์/วัน

นี่เป็นเพียงแค่ความเสียหายจากเส้นทางสายเดียวเท่านั้น และคิดดูว่าถ้าหากเส้นทางการค้าทางทะเลสายสำคัญทั่วโลกถูกตัดขาด เพราะเจอกับปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้ง Climate Change และเอลนีโญ จะยิ่งทวีคูณความเสียหายไปแค่ไหน ? 

ภัยแล้งโจมตีเส้นทางเดินเรือสายไหนแล้วบ้าง ?

ปานามา: ประเทศปานามาเผชิญภัยแล้งหนักขาดฝนรุงแรง ทำให้ระดับในคลองลดต่ำลงจึงต้องจำกัดจำนวนเรือและปริมาณสินค้าที่บรรทุก โดยจำนวนเรือที่ผ่านคลองลดลงจาก 36 ลำเหลือเพียง 32 ลำ นอกจากนี้เรือบรรทุกต้องลดปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ลงกว่า 40% หรือมากกว่า 2,000 ตู้เผื่อให้เรือมีน้ำหนักเบาและแล่นผ่านคลองตื้น ๆ ไปได้

แม่น้ำไรน์: แม่น้ำสายสำคัญที่เป็นเส้นการค้าขายที่ตัดผ่านเมืองต่าง ๆ ในเยอรมนีและยุโรป ระดับน้ำลดต่ำลงมากที่สุดในรอบหลายปีตั้งแต่ปลายกรกฎาคม ทำให้เรือต้องบรรทุกของน้อยลงและค่าขนส่งมีราคาแพงขึ้น แต่การเดินทางในแม่น้ำไรน์เป็นเส้นทางขนส่งระยะสั้น จึงทำให้เมื่อเกิดปัญหาก็สามารถเปลี่ยนเส้นทางหรือแก้ไขปัญหาได้ไว จึงไม่ได้กระทบกับการขนส่งมากนัก

ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดภัยแล้งที่โลกกำลังเจออยู่ได้ แต่ธุรกิจยังสามารถสนับสนุนการ Net Zero ที่ทั่วโลกมุ่งมันทำให้สำเร็จภายในปี 2050 ซึ่งองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ภายใต้สหประชาชาติ (UN) วางมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสําหรับขนส่งระหว่างประเทศ ตั้งเป้าปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 

นำโดยบริษัทเดินเรือญี่ปุ่นเริ่มลงทุนใช้พลังงานสะอาดอย่าง เรือขนส่งปลอดมลพิษ เป็นตัวอย่างที่ธุรกิจและอุตสาหกรรมในไทยจะเริ่มมองหาแนวทางดำเนินธุรกิจที่ทำให้ธุรกิจยั่งยืนไปพร้อม ๆ กับโลกใบนี้ได้

อ้างอิง: wartsila, forwardermagazine, cnbc, cbsnews

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ปัญหา Jobs Gap กำลังเปลี่ยนโลกแรงงาน อีก 10 ปีข้างหน้า 800 ล้านคนอาจไม่มีงานทำ

สำรวจความท้าทายด้านการจ้างงานในอนาคตเมื่อ AI เข้ามามีบทบาท พร้อมแนวทางแก้ไขช่องว่างงานกว่า 400 ล้านตำแหน่งทั่วโลกจากการเสวนาในงาน World Economic Forum 2025...

Responsive image

สรุป 35 ความเสี่ยงจาก Global Risks Report 2025 ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

เจาะลึก Global Risks Report 2025 โดย World Economic Forum วิเคราะห์ 35 ความเสี่ยงระดับโลกที่สำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และเทคโนโลยี พร้อมแนวโน้มสำคัญในปี 2025, 2027 แ...

Responsive image

บางจาก ได้สินเชื่อรายแรกในไทย 6,500 ล้านบาทเพื่อพัฒนา SAF จากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย

ธนาคารยูโอบี มอบสินเชื่อ 6,500 ล้านบาท สนับสนุนบางจากฯ พัฒนาโครงการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) แห่งแรกในไทย ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุด 80% เพื่อเป้าหมาย Net Zero 20...