5 เหตุผล ทำไมอินโดนีเซีย ดึงดูดนักลงทุนมากกว่าไทย? | Techsauce

5 เหตุผล ทำไมอินโดนีเซีย ดึงดูดนักลงทุนมากกว่าไทย?

อินโดนีเซียกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการลงทุนจากทั่วโลก ในฐานะประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยจำนวนประชากรกว่า 270 ล้านคน ดึงดูดการลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก 

อินโดนีเซียสามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงปีเดียวสร้างมูลค่าถึง 34,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่มี GDP โตกว่า 5% อย่างต่อเนื่อง

อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่นักลงทุนต่างชาติไม่ควรมองข้าม? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก และพร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

5 ปัจจัยทำไมอินโดนีเซียถึงดึงดูดนักลงทุนได้มากที่สุดใน SEA

ตลาดขนาดใหญ่

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 275.7 ล้านคน โดยมีลักษณะเด่นคือประชากรที่อายุน้อย อายุเฉลี่ยเพียง 30.1 ปี และ 60% ของประชากรมีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Gen Z มีสัดส่วนสูงที่สุด ทำให้อินโดนีเซียเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน และถือว่าเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีแรงงานมากกว่า 130 ล้านคน 

นอกจากนั้น ต้นทุนแรงงานในอินโดนีเซียยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ ประกอบกับประเทศยังคงมีเสถียรภาพทางการเมือง และประชากรหนุ่มสาวส่วนใหญ่มีการศึกษา โดยเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรมีอายุระหว่าง 18 ถึง 39 ปี

เศรษฐกิจเติบโตคงที่อย่างต่อเนื่อง

ในปี 2022 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 แต่เศรษฐกิจอินโดนีเซียสามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนการระบาดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น การลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศยังทำสถิติสูงสุดถึง 84,100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งนำไปสู่การสร้างงานกว่า 1.3 ล้านตำแหน่ง

เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของชนชั้นกลางและการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่าในปี 2024 อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มประเทศ G20

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคม 2021 มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่า 175 ล้านคน ซึ่งสร้างโอกาสสำคัญสำหรับบริการที่ใช้เทคโนโลยี เช่น อีคอมเมิร์ซ การเรียกรถโดยสาร และการชำระเงินออนไลน์ การใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 124,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 4.1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2025

ผู้บริโภคในอินโดนีเซียมีฐานะร่ำรวยและมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้รูปแบบการใช้จ่ายในประเทศเปลี่ยนไป ซึ่งเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.7 ล้านล้านบาทภายในปี 2025

การสนับสนุนจากรัฐบาล

รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังผลักดันประเทศด้วยโครงการต่างๆ รวมถึงการปรับนโยบายต่างๆ และมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในการพัฒนาแหล่งทรัพยากรและการแปรรูปปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตแบบครบวงจรของประเทศ ตอกย้ำความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในฐานะศูนย์กลางการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก และเร่งการพัฒนาประเทศ

เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ อินโดนีเซียตั้งเป้าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมูลค่า 545 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 18 ล้านล้านบาทภายในปี 2040 เพื่อพัฒนาสินค้า 21 รายการในหลายภาคส่วน เช่น แร่ธาตุ ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ สวนเกษตร ทางทะเล ป่าไม้ และประมงเป็นต้น

นอกจากนี้ในปี 2020 อินโดนีเซียได้ปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวกับการสร้างงานหรือ Omnibus Law มาใช้ ซึ่งมุ่งหวังที่จะเพิ่มโอกาสในการทำงานโดยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนและความแน่นอนทางกฎหมาย กฎหมายดังกล่าวจะลดความยุ่งยากของการสร้างธุรกิจ เชื่อมต่อนโยบายส่วนกลางกับระดับภูมิภาคให้เป็นระบบและสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อธุรกิจมากขึ้น 

“เราปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนของเราไปพร้อมๆ กับขยายขอบเขตของธุรกิจปลายน้ำ ปรับปรุงภาคการเงิน และเพิ่มกฎระเบียบและแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นดึงดูดนักลงทุน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน/ประธาน BKPM Mr. Bahlil Lahadalia กล่าว

ความพร้อมของทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ

ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอินโดนีเซียถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือหลัก ทำให้เป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์สำหรับการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก

นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีทรัพยากรแร่ธาตุมากมายและเป็นผู้ผลิตนิกเกิล ดีบุก ทองแดง บอกไซต์ แมงกานีส สังกะสี และตะกั่วเป็นรายใหญ่ของโลก และแม้ว่าการทำเหมืองจะคิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP ในประเทศแล้ว แต่ยังมีแหล่งแร่ธาตุและทรัพยากรอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศต่อไป

โอกาสและความท้าทายในอนาคต

ถึงแม้อินโดนีเซียจะมีแนวโน้มดึงดูดนักลงทุนได้จากทั่วโลก แต่ก็ยังมีความท้าทายที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศ อุปสรรคด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ แม้รัฐบาลจะลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่คุณภาพและความน่าเชื่อถือในการสร้างถนน ท่าเรือ และระบบขนส่งยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้นและเกิดความล่าช้าในการผลิต

อีกปัจจัยสำคัญคือระบบราชการและการทุจริต กระบวนการดำเนินงานกับหน่วยงานรัฐยังมีความซับซ้อนและล่าช้า ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการทุจริตที่ยังคงพบในบางภาคส่วน ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามปฏิรูประบบแล้วก็ตาม

นอกจากนี้อินโดนีเซียยังเผชิญกับความท้าทายด้านช่องว่างทักษะแรงงาน แม้จะมีแรงงานรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก แต่ความสามารถที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านการลงทุนในระบบการศึกษาและการฝึกอบรม 

ขณะนี้อินโดนีเซียกำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่อาจปลดล็อกโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน ความน่าสนใจ โอกาสและความท้าทายที่ทำให้ประเทศอินโดนีเซียสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Microsoft และ Nvidia เป็นต้น อินโดนีเซียจะเติบโตไปในทิศทางใดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ เป็นที่น่าจับตาดูต่อไปในอนาคต

ย้อนอ่าน "Indonesia Startup Ecosystem" พาชมอินโดนีเซีย ดินแดนที่มี “Unicorn” มากที่สุดใน Southeast Asia

อ้างอิง : bloomberg, inti.asia, aseanbriefing, jakartaglobe.id, businessgo.hsbc

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Translucia เผยแผนพัฒนา Metaverse โลกเสมือนที่ใช้ Gen AI ขยายตลาดและการเติบโต

บทสัมภาษณ์ คุณพิมสาย ชี้เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Translucia (ทรานส์ลูเซีย) ทั้งในด้านมุมมอง โอกาส ความท้าทาย ไปจนถึงแผนพัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในยุค Generative AI...

Responsive image

เชื่อมทุกช่องทางสื่อสารกับลูกค้า ต่อยอดข้อมูลธุรกิจด้วย MarTech

ทำความรู้จัก True CPaaS แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกแอปพลิเคชันการสื่อสารไว้ในที่เดียว เพื่อรองรับการตลาดแบบ Omni-channel และสามารถเก็บข้อมูล (Data) ลูกค้า เพิ่มยอดขายได้ในแบบ MarTech...

Responsive image

รู้จัก “AI ผู้ช่วยด้านการเงิน” งานที่ AI agents จะเข้ามาช่วยทำในอนาคต

พบกับอนาคตของ AI Agents ที่ช่วยจัดการชีวิตการเงิน ตั้งแต่การชำระเงิน จองตั๋ว ไปจนถึงการค้าอัตโนมัติ พร้อมความเชื่อมั่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น Blockchain และ Authentication Too...