
ในสมรภูมิดิจิทัลที่ร้อนระอุขึ้นทุกวัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เปรียบเสมือน ด่านหน้าที่คอยปกป้องข้อมูลและระบบขององค์กรให้ปลอดภัย แต่เบื้องหลังความสำเร็จในการรับมือกับภัยคุกคามนั้น คือความจริงที่น่ากังวล นั่นคือ ‘ภาวะหมดไฟ’ (Burnout) ที่กำลังกัดกินสุขภาพกายและสุขภาพจิตของพวกเขาทีละน้อย
ในสมรภูมิไซเบอร์ที่นับวันยิ่งดุเดือด ภัยคุกคามไม่ได้มีแค่ Ransomware หรือ Advanced Persistent Threats ที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน แต่ยังมี "ศัตรูเงียบ" ที่กำลังกัดกินแนวหลังอย่าง "ภาวะหมดไฟ" (Burnout) ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงยิ่งกว่าที่หลายองค์กรคาดคิด
ตัวเลขล่าสุดสะท้อนภาพความจริงอันน่าตกใจ เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ถึง 50% คาดว่าตนเองจะประสบภาวะหมดไฟภายใน 1 ปี และตัวเลขพุ่งสูงถึง 80% เมื่อมองไปข้างหน้าอีก 3 ปี ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจนี้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาส่วนบุคคล แต่กำลังกลายเป็น "ช่องโหว่" ขนาดใหญ่ที่คุกคามความปลอดภัยขององค์กรทั่วโลก
เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ต้องรับมือกับการโจมตีที่ขยายวงกว้างและซับซ้อนขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยจำนวนมากจึงตกอยู่ในสภาวะตื่นตัวสูงสุดตลอดเวลา (Perpetual state of high alert) ความอ่อนล้านี้ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจที่เฉียบคม ความระมัดระวังที่ลดลง และนำไปสู่อัตราการลาออกที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนบุคลากรอยู่แล้ว
ทางออกที่น่าจับตาที่สุดในเวลานี้อาจไม่ใช่แค่คน แต่คือปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่อย่าง Agentic AI
เพราะ Agentic AI เป็น AI ที่มีความสามารถในการดำเนินการและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง มันจึงได้กลายเป็นเครื่องมือที่อาจเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ โดย AI ประเภทนี้แตกต่างจากระบบอัตโนมัติแบบเดิมๆ เพราะมันสามารถจัดการงานที่ซ้ำซากจำเจ เช่น การตรวจจับเบื้องต้น การแก้ไขปัญหาตามโปรโตคอล และการคัดกรองการแจ้งเตือน (Alert Triage) ซึ่งจะช่วยผู้เชี่ยวชาญจากการจมอยู่กับงานที่ใช้เวลาและความคิดมหาศาล
ทำให้พวกเขาสามารถย้ายไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์ที่ท้าทายและต้องใช้วิจารณญาณของมนุษย์ได้มากขึ้น โดยผลลัพธ์ที่จะได้จากการใช้ AI ได้แก่
ผลสำรวจจาก Gartner Peer Community ยิ่งตอกย้ำปัญหานี้ โดยพบว่าผู้บริหารฝ่ายไอทีและความปลอดภัยถึง 62% เคยมีประสบการณ์หมดไฟ และ CISO (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ) จำนวนมากกำลังวางแผนลาออกเพราะ "ความเครียดเฉพาะทางที่เกิดขึ้นแค่ในสายงานนี้"
แม้ Agentic AI จะมีศักยภาพสูง แต่องค์กรต้องวางกลยุทธ์การนำ AI นี้เข้ามาใช้อย่างรอบคอบ ดังนี้
สำหรับผู้นำองค์กรอย่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ (CISO) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ที่กำลังเผชิญศึกสองด้าน ทั้งภัยคุกคามภายนอกและภาวะหมดไฟของทีมภายใน การเริ่มต้นจากการประเมินความเสี่ยงภาวะหมดไฟและภาระงานของทีมอย่างจริงจัง เพื่อหาโอกาสในการนำ Agentic AI เข้ามาใช้บรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า และสร้างรากฐานสู่ระบบอัตโนมัติที่แข็งแกร่งในระยะยาว โดยทางเลือกไม่ได้อยู่ระหว่างความเชี่ยวชาญของมนุษย์หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่อยู่ที่การสร้างความร่วมมือที่ดีที่สุดระหว่างสองสิ่งนี้เพื่อรับมือกับทั้งภัยคุกคามทางไซเบอร์และภาวะหมดไฟไปพร้อมๆ กัน
Source: TechRadar Pro
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด