จากที่มีเคส Data Privacy โด่งดังมากมายใน 1-2 ปีก่อน ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกตื่นตัวกันมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยและสิทธิ์ส่วนบุคคลในข้อมูล ปีนี้ทาง We are Social จึงทำการสำรวจเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม ผลคือเมื่อเทียบกับชาวโลกแล้ว ชาวไทยมีการช็อปออนไลน์และใช้อินเตอร์เน็ตในอัตราที่สูงมากเป็นอันดับต้นๆของโลก และมีความใส่ใจเรื่องการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดสูงถึง 59% สอดคล้องกับการสำรวจที่ Analytist ได้จัดทำไปเกี่ยวกับเรื่องความคิดเห็นต่อพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล
มาดูข้อมูลจาก We are Social จากเดือน JAN 2020 กันค่ะ
ชาวไทย 59% กังวลเรื่องที่องค์กรนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด ( สูงเป็นอันดับที่ 33 ของโลก)
อาจไม่ได้สูงเป็นอันดับต้นๆเหมือนกับชาร์ตก่อนหน้า
แต่ 59% คือ ประมาณ 3 ใน 5 คน ก็นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
สอดคล้องกับข้อมูลจากผลสำรวจ kNOW ของบริษัท Analytist ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดาต้าและการวิจัยทางดิจิตัล ที่ได้สำรวจกับผู้บริโภคชาวไทย 500 คนผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ สำรวจช่วงวันที่ 11-22 ก.พ. 2563 คือ ช่วงเวลาก่อนที่พรบ.จะบังคับใช้จริง 3 เดือน โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหา Awareness และ Acceptance ของการมีพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึง Attitude และ Understanding เพื่อเป็นการช่วยองค์กรต่างๆในการเตรียมความพร้อมต่อความคาดหวังที่กำลังจะเกิดในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่า
Awareness
Acceptance
ถ้าเลือกได้
มี Segment หนึ่งที่มีคำตอบเด่นชัดกว่ากลุ่มอื่นๆ คือ ผู้บริหารระดับสูง ส่วนใหญ่ไม่ชอบกรอกข้อมูลรายได้ ไม่อ่านเงื่อนไขยาวๆ และ มักเลือกที่จะไม่ยินยอมให้เก็บ/ใช้/เปิดเผยข้อมูล ถึงแม้จะยังไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับพรบ.นี้เลยจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับบทลงโทษ แต่ก็เห็นประโยชน์มากกว่าโทษ มีโอกาส 80% ที่จะใช้สิทธิ์ในการคัดค้านการเก็บข้อมูล
และหากสินค้าหรือบริการของเรามีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริหาร ถ้าไม่จำเป็นก็ควรเลิกถามเรื่องรายได้ โดยเฉพาะการขายออนไลน์ เพราะจากการสำรวจนี้ ผู้บริหารระดับสูงกว่า 40% ซื้อของออนไลน์สูงที่สุดสูงกว่าทุกกลุ่ม และมากกว่า 20 ครั้งต่อปี
สรุป
ผู้บริโภคส่วนมากรู้เกี่ยวกับพรบ.นี้แต่ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูล แต่ก็สนับสนุนการมีพรบ. และเห็นประโยชน์มากกว่าโทษ เกือบครึ่งตอบว่าสิทธิ์ที่คิดว่าจะใช้แน่นอนเมื่อพรบ.มีผล คือ คัดค้านการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้และเปิดเผย คาดว่าเกิดจากประสบการ์ณที่ไม่ดีที่โดนติดต่อจากองค์กรที่ตนไม่ได้ให้ข้อมูล โดยเฉพาะในกลุ่มที่โดนบ่อยจะยิ่งมีการต่อต้าน
แต่ส่วนใหญ่อ่านเนื้อหาเงื่อนไขกันคร่าวๆ ประมาณ 50% ไม่ได้อ่านทั้งหมด
ข่าวร้าย คือ มีครึ่งนึงที่อาจตัดสินไม่ให้ Consent โดยไม่สนใจเงื่อนไข ซึ่งหากแบรนด์ทำให้กลุ่มนี้ผิดหวังอาจเสียลูกค้าไปได้ง่ายๆเลย
ข่าวดี ก็คือ มีอีกครึ่งนึงที่สนใจอ่านเงื่อนไข หากเราทำให้ดูโปร่งใส น่าเชื่อถือ หรือ มีสิ่งจูงใจให้เพิ่มเติมก็น่าจะขอ Consent มาได้ไม่ยาก
ในยุคที่การแข่งขันสูงขนาดนี้ หากองค์กรอยากพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้มากกว่าคู่แข่ง พรบ.นี้ก็ถือว่าเข้ามาช่วยทำคะแนนได้อีก ! หากธุรกิจคุณยังทำ Cold Call อยู่ ต้องอ่านอีกบทความด้วยค่ะ เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณโดยตรง
ข้อมูลกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม
อายุ :
อาชีพ :
ที่อยู่ :
พฤติกรรมการบริโภค :
หากสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PDPA สามารถเข้าเว็บไซต์ PDPA Thailand : https://sites.google.com/view/pdpa-2019/pdpa-home
หรือ แนวทางปฎิบัติ Thailand Data Protection Guidelines 1.0 จากทางศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : https://www.law.chula.ac.th/wp-content/uploads/2019/06/tdpg.pdf
ผู้เขียน : Analytist Team
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด